1. วางแผนเข้าชมงาน
2. วันเข้าชมงาน
3. คนไม่ได้เดินทาง เข้าไปชมงานแบบ Virtual ได้
งาน Osaka Expo 2925 เป็นงานมหกรรมนานาชาติ World Expo อันเป็นมหกรรมที่นำเอาคนและเทคโนโลยีทั่วโลกมารวมกับเพื่อพยายามแก้ปัญหาที่มนุษยชาติกำลังเผชิญในระดับโลก งานนี้จัดขึ้นทุก ๆ 5 ปี โดยครั้งแรกเกิดขึ้นที่กรุงลอนดอน จักรวรรดิอังกฤษในศตวรรษที่ 19 มีการจัดเรื่อยมา งานครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 35 ที่เกิดขึ้นบนโลกโดยเวียนมาที่ญี่ปุ่น หลังจากที่ครั้งที่แล้วถูกจัดขึ้นที่กรุงดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรต
ประเทศญี่ปุ่นเคยเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Expo มาแล้วหลายครั้ง นับตั้งแต่ The Osaka Expo 1970 ซึ่งเป็นการเป็นเจ้าภาพครั้งแรกของญี่ปุ่นและทวีปเอเชีย งานครั้งนั้นกลายเป็นสัญลักษณ์ของการเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นและกลายเป็นมหกรรมขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นในขณะนั้น ยี่สิบปีต่อมาก็เกิด Aichi Expo 2005 โดยครั้งนี้ที่ Osaka Expo 2025 แขวงคันไซอาสานำเอาสายตานานาชาติกลับสู่ญี่ปุ่น
สำหรับปีนี้ ธีมงานได้แก่ “Designing Future Society for Our Lives” หรือการออกแบบอนาคตเพื่อชีวิตของเรา โดยเป็นธีมใหญ่ครอบธีมเล็กสามธีมด้วยกัน ได้แก่
คอนเสปต์หลักของงานคือ People’s Living Lab - ห้องปฏิบัติการที่มีชีวิตของประชาชน เป็นห้องปฏิบัติการเพื่อค้นหาสังคมในอนาคต มีพื้นที่ให้คนกว่าแปดล้านคนจากทั่วโลกมาเที่ยวชมนิทรรศการและร่วมกันสร้างสังคมในอนาคต แม้กระทั่งก่อนที่งานมหกรรมนี้จะเกิดขึ้นก็มีกิจกรรมผ่านออนไลน์แพลตฟอร์มที่ชวนคนมาช่วยกันแชร์ความท้าทายและหาทางแก้จากทั่วโลก ห้องปฏิบัติการนี้นำเอาเทคโนโลยีล้ำสมัยมารวมเข้าไว้ด้วยกัน ระดมสร้างแนวคิดใหม่ ๆ และแบ่งปันกันเพื่อช่วยแก้ปัญหาที่มนุษยชาติกำลังเผชิญอยู่บนโลก
งานเปิดให้เข้าชมรวม 184 วัน ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน ถึง 13 ตุลาคม 2568 ที่เกาะเทียมยูเมะชิม่า เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
The Osaka Expo 2025 มีหัวใจสำคัญอยู่ที่การจัดแสดง pavilions หรือ ‘ซุ้ม’ จากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งในประเทศญี่ปุ่น และจากประเทศต่าง ๆ กว่า 158 ประเทศ จัดแสดงนิทรรศการองค์ความรู้ เทคโนโลยี ตลอดจนวัฒนธรรมจากทั่วทุกมุมโลก
สถาปัตยกรรมหลักของงานได้แก่ The Grand Ring ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมไม้ใหญ่ที่สุดในโลกแสดงถึงแนวคิดถึงความสมัครสมานท่ามกลางความแตกต่าง สร้างโดยการผสมผสานเทคนิกงานไม้แบบญี่ปุ่นและแบบโมเดิร์น เป็นทางเดินหลักของการชมงานครั้งนี้และสามารถชมวิวบนดาดฟ้าได้รอบทิศ
ในครั้งนี้ซุ้มจากทางเจ้าภาพมี 17 ซุ้มสุดอลังการจัดออกเป็นซุ้มหลัก Japan Pavilion, Women’s Pavilion ที่ร่วมจัดกับ Cartier, Osaka Healthcare Pavilion และ KANSAI PAVILION มีซุ้มจากภาคเอกชน 13 ซุ้ม เช่น ซุ้มจากพานาโซนิก, มิสซูบิชิ และ กันดั้ม เป็นต้น
ซุ้มตาม ธีมงานยังมีอีก 8 ซุ้มซึ่งออกแบบอย่างยิ่งใหญ่อลังการทั้งสถาปัตยกรรมและเนื้อหา ได้แก่ซุ้ม Better Co-Being ที่พูดถึงความสมัครสมานระหว่างมนุษยชาติและธรรมชาติ ซุ้ม Future of Life ทำนายรูปแบบที่เทคโนโลยีจะเข้ามาในชีวิตของมนุษย์ในอนาคต The Playground of Life: Jellyfish Pavilion แสดงงานสร้างสรรค์ผ่านนิทรรศการ Interaction ด้วยความสนุกสนาน ซุ้ม null² ผสามผสานศิลปะเข้ากับเทคโนโลยีเพื่อสะท้อนโลกดิจิทัล ซุ้ม DYNAMIC EQUILIBRIUM OF LIFE ให้บทเรียนปรัชญาชีวิตและสิ่งแวดล้อม ซุ้ม LIVE EARTH JOURNEY แสดงความงามของการเชื่อมต่อกับของสิ่งมีชีวิต ซุ้ม EARTH MART ชวนขบคิดเรื่องอาหารผ่านนวัตกรรมอาหารสไตล์ญี่ปุ่น และซุ้ม Dialogue Theater –sign of life– ชวนแชร์ประสบการณ์ทางอารมณ์ร่วมกันผ่านสตอรี่เทลลิ่ง
และที่สำคัญ มีซุ้มของประเทศต่าง ๆ กว่า 48 ซุ้มที่จัดแสดงความก้าวหน้า เทคโนโลยีและวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ อัดแน่นทั้งนิทรรศการความรู้ เทคนิกการเล่าเรื่องผ่านสื่อผสม และการออกแบบสถาปัตยกรรมแบบไม่มีใครยอมใคร
อ่านไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดได้ทาง Osaka-Kansai Expo 2025 ส่อง 15 ไฮไลต์ห้ามพลาดในงาน
แบ่งออกเป็นสำหรับเข้าชมครั้งเดียว สำหรับเข้าชมไม่จำกัดครั้งและบัตรแบบหมู่คณะ และมีเกณฑ์อายุแบ่งออกเป็นเด็กเล็กอายุ 0-3 ปีในวันที่ 1 เมษายน 2025 ไม่เสียค่าใช้จ่าย แล้วคิดราคาเป็นกลุ่มเด็กอายุ 4-12 ปี, กลุ่มผู้เยาว์อายุ 12-17 ปี, และผู้ใหญ่ที่อายุเกิน 18 ปีขึ้นไป
อย่างไรก็ดี สำหรับเด็กเล็กอายุ 0-3 ปีแม้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายก็ต้องกดบัตรเอาไว้เพื่อการันตีที่นั่งและการเข้าชมในพาวินเลียนต่าง ๆ บัตรผู้ใหญ่แบบทั่วไป 1 ใบสามารถขอบัตรเด็กเล็กได้จำกัด 3 ใบ, แบบเข้าไม่จำกัดครั้งสามารถขอบัตรเด็กเล็กได้ 9 ใบ และบัตรหน้าร้อนสามารถขอบัตรเด็กเล็กได้ 6 ใบ
สำหรับเข้าชมครั้งเดียว
บัตรแบบทั่วไป
บัตรสำหรับ Weekdays
บัตรกลางคืน
บัตรราคาพิเศษ
สำหรับเข้าชมไม่จำกัดครั้ง
บัตรเข้าชมไม่จำกัดครั้ง
บัตรฤดูร้อน
โดยบัตรประเภทเข้าชมไม่จำกัดครั้งจะสามารถเข้างานได้ตั้งแต่เวลา 9.00 น.ด้วย (จากปกติเข้างานได้เวลา 10.00 น.)
บัตรแบบหมู่คณะ
บัตรแบบหมู่คณะทั่วไป (15 คนขึ้นไป)
บัตรทัศนศึกษาสำหรับโรงเรียน (ครึ่งแรก: 13 เมษายน – 18 กรกฎาคม)
บัตรทัศนศึกษาสำหรับโรงเรียน (ครึ่งหลัง: 19 กรกฎาคม – 13 ตุลาคม)
วิธีการซื้อบัตรเพื่อเข้าชม Osaka World Expo 2025 สามารถทำได้ทั้งทางออนไลน์และที่หน้างานซึ่งสามารถซื้อได้ตั้งแต่เวลา 10.00
อย่างไรก็ดีการซื้อบัตรออนไลน์จะทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการลงทะเบียน Expo ID หรือไปเสี่ยงกับการต่อคิว ตลอดจนกังวลว่าบัตรจะหมด และทำให้จัดการการเชื่อมต่อกับสารพัดแอปพลิเคชั่นที่จะใช้ในงานได้ดีกว่ามาก ซึ่งเข้าไปลงทะเบียนได้เลยทางนี้ (ticket.expo2025)
ขั้นตอนการซื้อบัตร
กิจกรรมล็อตเตอรี
ความกิมมิกของญี่ปุ่นคือบัตรเข้าชมแต่ละใบไม่ได้เป็นแค่บัตรเข้าชมธรรมดา แต่สามารถใช้ลงทะเบียนในระบบล็อตเตอรี ลุ้นได้สล็อตเวลาเข้าชม ซุ้มต่าง ๆ หรือกิจกรรมสุดฮิตฟรีด้วย สาเหตุก็เป็นเพราะว่าบางซุ้มเป็นที่จับตาจากผู้เข้าชมมาก ต้องจองคิวแต่เนิ่น ๆ หรือไปต่อคิวลุ้นหน้างาน (ดูวิธีจองคิวได้ด้านล่าง) ทำให้หากชนะรางวัลจากระบบล็อตเตอรี ก็จะตัดกังวลข้อนี้ไป
ระบบล็อตเตอรี มีสองรูปแบบคือ
ในการกดล็อตเตอรีแต่ละครั้ง ผู้เข้าชมสมารถเลือกซุ้มหรืออีเวนท์ที่อยากเข้าชมได้ 5 รายการเข้าไป และจะไม่สามารถเลือกระยะเวลาที่ต้องการที่ตรงกับรายการที่เคยชนะรางวัลไปแล้วได้ ถ้าถูกรางวัลจะมีข้อความเข้ามาในช่อง Message ของบัญชีของเราในเว็บไซต์หรือในแอพลิเคชั่น
เจ้าภาพออกแอปพลิเคชัน 4 ตัวสำหรับเที่ยวชมงานโดยเฉพาะ ได้แก่ the EXPO 2025 Visitors, EXPO2025 Personal Agent, EXPO2025 Digital Wallet และ EXPO Translation
ทั้งหมดดาวน์โหลดได้ทั้งทาง IOS และ Android
the EXPO 2025 Visitors
แอปพลิเคชันหลักของงาน สามารถใช้ในการสำรวจค้นหาซุ้มร้านอาหารหรือพื้นที่จัดกิจกรรมที่ต้องการชม
ก่อนเยี่ยมชมสามารถเข้าไปคัดกรองดูนิทรรศการที่สนใจ เช็กตารางกิจกรรม มีฟีเจอร์วางแผนเส้นทางการเยี่ยมชมตามความสนใจ ระหว่างงานยังสามารถใช้แอปพลิเคชันนี้นำทางผ่านฟีเจอร์แผนที่ หาห้องน้ำและบริการต่าง ๆ ตลอดจนติดตามข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวกับการเข้าชมงาน
นอกจากฟีเจอร์ในการวางแผน แอปพลิเคชันนี้ยังมีจุดเด่นในการเข้าถึงข้อมูลอัพเดทล่าสุดที่เกี่ยวกับงาน ไม่ว่าจะเป็นข้อมุลล็อตเตอรี ข้อมูลการจองและการเข้าอีเวนท์ มีช่องทางการติดต่อกรณีมีปัญหาระหว่างเข้าชมงงาน และทิปส์ต่าง ๆ ที่จะทำให้การเข้าชมเป็นไปอย่างราบรื่น
EXPO2025 Personal Agent
แอปพลิเคชั่นที่พัฒนาโดย NTT เป็นแอปพลิเคชันไกด์ที่ใช้ AI มาช่วยสร้างแผนการเข้าชมในแต่ละวันโดยออกแบบจากความสนใจของแต่ละคน โดยจะจัดแผนที่แนะนำ ซุ้ม, กิจกรรม, และจุดทานอาหาร มีการนำทางไปยังพื้นที่ที่จะไปต่อแบบเรียลไทม์ รวมถึงแผนที่ที่ระบุความแน่นอหนาของคน สถานะการจอง รายละเอียดบูธบริการ มีฟีเจอร์การนำทางแบบ AR และ waypoint options ระบบนำทางแบบหลบฝนกรณีฝนตก แนะนำร้านอาหารตามความหนาแน่นของคน โดยจะมีระบบแจ้งเตือนหากเราได้จองการเข้าชมหรือกิจกรรมอะไรไว้ เหมาะสำหรับคนอ่านแผนที่ไม่เก่งและยังไม่มีแพลนเจาะจงว่าอยากดูอะไรเป็นพิเศษ
นอกจากฟังก์ชันในการนำทาง แอปพลิเคชันนี้ยังนำเสนอ EXPO Quests ซึ่งเป็นเควสเก็บสแตมปืดิจิทัลที่ท้าให้ผู้ใช้งานเก็บสแตมป์ตามภารกิจและมีส่วนร่วมในการออกความเห็นเรื่องสังคมในอนาคตด AI ในแอปพลิเคชั่นนี้จะรวบรวมความคิดต่าง ๆ ประมวลออกมาเป็นผลงานศิลปะอีกด้วย
ดาวน์โหลดได้ทั้งทาง IOS และ Android ชื่อ EXPO2025 Personal Agent
EXPO2025 Digital Wallet
เป็นแอปพลิเคชันสำหรับจ่ายเงินแบบ All-in-one ในงานที่ใช้ทั้งจ่ายเงินและใช้ในการเข้าร่วมกิจกรรมสะสมคะแนน เมื่อดาวน์โหลดมาแล้วจะสามารถเติมเงินผ่านบัตรเครดิตหรือบัญชีธนาคารได้ โดยจะได้โค้ดแบบ 2D และบัตรแบบ touch payment เพื่อมช้จ่ายทั้งในงาน Expo และร้านค้าที่ร่วมรายการในพื้นที่อื่น ๆ
ในแอปพลิเคชันมีฟีเจอร์ 3 อย่าง
แอปพลิเคชันนี้ยังส่งเสริมการร่วมมือกันทางธุรกิจด้วยเนื่องจากผู้ใช้สามารถใช้ปฏิสัมพันธ์กับ ซุ้ม ต่าง ๆ และพาร์ทเนอร์ โดยใช้ Soul Bound Tokens (SBTs) เพื่อปลดล็อกสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม
ภายในแอปพลิเคชันยังมี MYAKU-MYAKU Reward Programme ซึ่งเป็นโปรแกรมที่เราสามารถเก็บค่า exp ผ่านการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในงาน เมื่อมีเลเวลสูงขึ้นจะสามารถแลกรางวัลได้ เช่น การเข้าเล้าจ์ หรือการเข้าร่วมทัวร์พิเศษ
EXPO Translation
เป็นแอปพลิเคชันที่ผู้เข้าร่วมดาวน์โหลดเพื่อแปลภาษาระหว่างเข้าชมงานเมื่อต้องติดต่อเจ้าหน้าที่หรือผู้เข้าร่วมจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก มีให้เลือกกว่า 30 ภาษารวมถึงภาษาญี่ปุ่น
ซุ้ม หรือกิจกรรมฮอตฮิตจะมีคนต้องการเข้าชมสูงมากทำให้ต้องมีการจองเวลาเข้าไปก่อน โดยผู้เข้าชมสามารถจองเวลาผ่านระบบล็อตเตอรี หรือระบบจองทั่วไปที่เข้าไปจองก่อนได้รับสิทธิก่อน สามารถจองเวลาได้ก่อนเข้างานจริงนานถึงสามเดือน คนที่ไปเป็นครอบครัวหรือหมู่คณะสามารถจองร่วมกันได้ ทั้งนี้มีแค่นิทรรศการบางจุดเท่านั้นที่ต้องจองก่อนโดยเฉพาะนิทรรศการหลักที่เป็นที่นิยม นิทรรศการส่วนใหญ่สามารถเข้าชมแบบวอร์กอินได้เลย และหากไม่สามารถหาคิวล่วงหน้าได้บางครั้งอาจจะมีสล็อตเวลาที่ว่างหน้างาน สามารถเช็กได้ผ่านแอปพลิเคชันหรือที่จุดต่าง ๆ ภายในงาน
วิธีการจองเวลาเข้าชมนิทรรศการ
งานนี้สามารถเข้าถึงได้ทางระบบขนส่งสาธารณะ ทั้งรถไฟสายต่าง ๆ รวมถึงชินกันเซน ส่วนรถยนต์และรถจักรยานยนต์อาจไม่สะดวกเพราะไม่มีการจัดที่จอดรถไว้ มีเพียงที่จอดรถจักรยานเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้จอดในพื้นที่งานได้
1. รถไฟ
2. จักรยาน
จอดรถจักรยานได้ที่ทางเข้าฝั่งตะวันออกซึ่งต้องจองพื้นที่จอดล่วงหน้า นอกจากนี้ยงมีพื้นที่จอดจักรยานอีกจุดที่ Cosmosquare
3. ขึ้น Shuttle Buses
4. Airport Bus
ขึ้นรถบัสของสนามบินได้จากสนามบิน Osaka Itami Airport และสนามบิน Kansai International Airport รถจะมาจอดที่ Yumeshima Terminal ติดประตูฝั่งตะวันตกของงาน
สามารถจองรถบัสชนิดนี้ได้ออนไลน์ transport.expo2025 แต่ต้องระวังเพราะภายในงานไม่อนุญาตให้ลากกระเป๋าใหญ่เข้าไปด้วย
5. เรือ
ผู้เข้าชมที่มาด้วยเรือจากท่า Yumeshima North Coast Floating Pier ขึ้นรถบัสประจำท่าได้ฟรีโดยไม่ต้องจองล่วงหน้า
6. รถส่วนตัว
มีจุดบริการที่จอดรถส่วนตัวที่ Maishima, Amagasaki และ Sakai โดยต้องนั่ง shuttle bus ที่มีประจำจุดจอดรถแต่ละจุดต่อ ต้องจองล่วงหน้าทั้งที่จอดรถและที่นั่งใน shuttle bus (parking-reserve.expo2025 )
7. รถยนต์ส่วนบุคคลเฉพาะกรณีผู้พิการ
ต้องจองที่จอดรถล่วงหน้าวันเข้าชมงาน 1 วัน โดยที่จอดรถจะอยู่ติดกับทางเข้าฝั่งตะวันออกและเข้าได้ผ่านทางสะพาน Yumemai เมื่อข้ามมาแล้วให้เลี้ยวซ้ายผ่านโอเวอร์พาสแล้วเลี้ยวขวาที่ไฟแดงแรก
ผู้เข้าชมจะต้องใช้ QR Code ในทั้งขั้นตอนการเข้างานและการเข้าชม ซุ้ม และร่วมกิจกรรม แนะนำว่าควรเช็กให้ดีว่าได้รับ QR code แล้วและมีแบ็กอัพไว้ในโทรศัพท์มือถือด้วยวิธีแคปหน้าจอหรือปรินท์ออกมาเผื่อกรณีไม่สามารถดาวน์โหลดได้
เมื่อถึงวันเข้างานผู้เยี่ยมชมต้องเข้าตามประตูที่จองไว้ ซึ่งสามารถเช็กได้ที่ส่วน My Ticket ในแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ ซึ่งสามารถเปลี่ยนประตูที่เข้าได้หากมีกรณีจำเป็น แต่อาจจะเกิดกรณีที่เวลาในการเข้าชมที่ค้องการเข้าในประตูนั้นเต็ม ต้องรอจนกว่าจะว่าง การจองและเข้าให้ตรงกับประตูที่จองตามเวลาที่กำหนดจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
งานจะแบ่งออกเป็น 3 พื้นที่ คือ
Pavilion World เป็นหัวใจของงาน จะมี ซุ้ม ต่าง ๆ และบูธอำนวยความสะดวก รวมถึงทางเข้าชม The Grand Ring ที่ขึ้นไปดูดาดฟ้าของสถาปัตยกรรมวงแหวนได้
Water World จะเน้นทัศนียภาพน้ำเพื่อความผ่อนคลายและเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีอาหารเรียงรายริมย้ำและมีเวทีสำหรับการแสดง
Green World เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่เปิดโล่งเพื่อประโยชน์ใช้สอยทางตะวันตกที่มีคนจำนวนมาก เช่น เป็นลานจัดกิจกรรมภายนอก และเป็นที่เข้าถึงระบบขนส่ง
นอกจากพื้นที่สามแห่งนี้แล้ว ยังมีโซนอื่น ๆ ตามธีม เช่น Connecting Lives Zone, Empowering Lives Zone และ Saving Lives Zone มีโซนสวนป่าเพื่อความผ่อนคลาย, Future of Life Zone สำหรับผู้สนใจด้านเทคโนโลยี, Plaza โดยทั้งหมดจะโอบล้อมด้วยสถาปัตยกรรมไม้ขนาดใหญ่ The Grand Ring ที่เป็นที่ตั้งของ ซุ้ม อีกหลากหลายเนื้อหา
สายช็อปปิ้วก็สามารถเพลิดเพลินได้ด้วยพื้นที่ช็อปปิ้งทั้งร้านค้าออฟฟิเชียลของ EXPO2025 หรือตามร้านค้าของนิทรรศการต่าง ๆ ที่เอาของมาตามธีมของแต่ละหน่วย นอกจากนี้ยังมีตลาดใกล้ประตูทางเข้าทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตกให้จับจ่ายซื้อของฝาก
สำหรับเหตุฉุกเฉินกรณีป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ มีสถานีพยาบาลและจุดปฐมพยาบาลกระจายตามจุดต่าง ๆ ผู้พิการยังสามารถขอรับ Facility ต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์หรือผู้ช่วยในการสื่อสารหรือวีลแชร์ รวมถึงอุปกรณ์ช่วยพยุงได้อีกด้วย
สำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก มีศูนย์ดูแลเด็กเล็กและจุดรับรายงานเด็กหายให้บริการดูแลเด็ก ให้ริสแบนด์เด็กหาย ห้องน้ำเด็ก จุดเปลี่ยนผ้าอ้อม และห้องให้นมบุตร
นอกจากนี้ยังมีห้องละหมาดและห้องเงียบให้บริการกระจายตามจุดต่าง ๆ ทั่วทั้งงาน
ตัวละครมาสคอตประจำงานชื่อ Myaku-Myaku เป็นตัวละครปริศนา มีแหล่งกำเนิดจากแหล่งน้ำพุธรรมชาติเล็กๆในแถบคันไซ ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างเซลล์สิ่งมีชีวิตและน้ำ สีแดงในตัวแทนเซลล์ที่แตกตัวและเพิ่มตัวเองได้ ส่วนสีฟ้าแทนน้ำบริสุทธิ์ที่ไหลเลื่อนได้
ที่จริงแล้ว Myaku-Myaku เปลี่ยนแปรรูปร่างต่าง ๆ ได้ โดยรูปที่เราเห็นเป็นรูปที่เลียนแบบร่างกายมนุษย์ เบื้องต้นเป็นคนเฟรนลี่ติ๊งต๊อง มีทักษะพิเศษในการเปลี่ยนรูปร่างและหาแหล่งน้ำบริสุทธิ์หลังฝน
ภายในงานมีอาหารที่หลากหลายและสอดคล้องกับธีมด้านความหลากหลายทางวัฒนธรรม นวัตกรรม และความยั่งยืน นอกจากอาหารญี่ปุ่นยังมีร้านอาหารจากทั่วทุกมุมโลก เช่น อาหารเกาหลี เวียดนาม อาหารฮาลาล รวมถึงตัวเลือกอาหารวีแกน เป็นต้น มาเปิดให้บริการ
นอกจากนี้ยังมีอาหารที่ชูจุดเด่นด้านต่าง ๆ เช่น The Sustainable Food Court Osaka Noren Meguri จะให้บริการอาหารพื้นเมืองโอซาก้าที่มาจากความยั่งยืน บริเวณ EARTHTABLE จะให้บริการอาหารเพื่ออนาคต เช่น ราเมนไร้กลูเตน หรืออาหารแช่แข็งแบบไฮเทค ยังมีร้านอาหารล้ำๆ ต่าง ๆ เช่น Aquaculture Restaurant จากมหาวิทยาลัยคินได และ Kura Sushi จะเสิร์ฟอาหารที่ผสมผสานระหว่างรสชาติแบบดั้งเดิมกับเทคโนโลยีอาหารสุดล้ำFUJIYA JAPAN SHORTCAKE LAB ให้บริการของหวานในธีมอนาคต Kyo-tanba เสิร์ฟเกาลัดและ เป็นต้น ในบริเวณ Futuristic Challenge Shops zone จะมีคาเฟ่ในธีทความยั่งยืนแบบ SDGs มีพื้นที่ Interactive อย่าง Lapoppo Farm ที่จะผสาน farm-to-table dining ด้วยระบบการผลิตอาหารด้วยนวัตกรรม
สำหรับคนที่อยากหาอะไรทานง่ายๆ เบาใจได้ เพราะมีร้านสะดวกซื้อกระจายตามจุดต่าง ๆ ในงาน
กิจกรรมหลักของงานที่จัดแสดงทุกวันได้แก่ การแสดงโชว์ “One World, One Planet” ซึ่งเป็นการแสดงแสงสีเสียงแบบอิมเมอร์ซีฟประกอบโชวฺโดรน และการแสดง “Under the Midnight Rainbow” ซึ่งเป็นการแสดงน้ำพุประกอบแสงสีและดนตรี จัดขึ้นที่ Water Plaza
ไฮไลท์รองลงมาได้แก่ Physical Twin Symphony งานดนตรีในธีมโลกอนาคต และ Experimental Sauna Ritual ที่ผสมผสานวัฒนธรรมเข้ากับนวัตกรรม Wellness
รอบๆ งานยังมีโปรแกรมแสดงศิลปะสาธารณะใน 21 จุดกระจายไปยังที่ต่าง ๆ จัดแสดงผลงานของศิลปินนานาชาติ และยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมวันชาติของแต่ละประเทศที่เกิดขึ้นเกือบทุกวันตลอดระยะเวลาที่เปิดให้เข้าชมที่ซุ้มของแต่ละประเทศ ซึ่งจะได้เห็นการแสดงวัฒนธรรมหรือพิธีต่าง ๆ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด