Edge Computing ตัวช่วยจัดการบริการภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ

เอดจ์คอมพิวติ้ง สามารถช่วยให้การบริหารจัดการบริการสาธารณะต่าง ๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำงานอย่างชาญฉลาดและคุ้มค่าการลงทุนมากขึ้น แต่การนำเทคโนโลยีเอดจ์คอมพิวติ้งต่าง ๆ มาใช้ในหน่วยงานภาครัฐนั้นยังไม่ได้ดำเนินการอย่างจริงจัง ปัจจุบันภาคส่วนอื่น ๆ ได้มีการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้และได้รับผลลัพธ์ที่ทรงคุณค่าให้ได้เก็บเกี่ยวแล้ว จึงเป็นโอกาสอันดีที่หน่วยงานภาครัฐจะพิจารณาถึงประโยชน์และโอกาสที่จะได้รับจากการนำเอดจ์คอมพิวติ้งมาใช้ในหน่วยงานตน เร้ดแฮทมีตัวอย่างผลลัพธ์จากการใช้เอดจ์คอมพิวติ้งในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ภาคการผลิต และรูปแบบการใช้งานที่หน่วยงานภาครัฐสามารถนำไปใช้ได้ ดังนี้

มีการใช้เอดจ์คอมพิวติ้งเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมการผลิต และที่อยู่อาศัย

เมื่อสามสิบปีที่แล้ว ศักยภาพและอัจฉริยะของไอทีในองค์กรวางอยู่ในดาต้าเซ็นเตอร์ แต่ปัจจุบันเรามาถึงจุดที่เวิร์กโหลดบางประเภทสามารถย้ายไปวางไว้ที่อุปกรณ์ปลายทาง (edge) ได้แล้ว

เมื่อมีการนำกระบวนการประมวลผลไปวางไว้ ณ จุดกำเนิดของข้อมูลหรือที่ใกล้ข้อมูลที่สุด (แทนที่จะวางอยู่บนคลาวด์หรือรีโมทดาต้าเซ็นเตอร์) เอดจ์คอมพิวติ้งจะช่วยให้สามารถตัดสินใจจากข้อมูลที่ส่งออกมาจากอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ติดตั้งอยู่ ณ จุดสำคัญที่สุดได้รวบรวมไว้

ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือใช้เอดจ์คอมพิวติ้ง เพื่อนำความสามารถในการประมวลผลให้อยู่ใกล้เครือข่ายเอดจ์ และลดเวลาที่ใช้ในการตอบสนองลง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากต่อความเร็วในการให้บริการและความพร้อมใช้งานตามคุณสมบัติของ 5G ที่ต้องมีให้กับผู้รับบริการ

มีการนำเอดจ์คอมพิวติ้งไปใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในวงกว้าง รวมถึงอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งเอดจ์คอมพิวติ้งช่วยลดเวลาที่ใช้ในกระบวนการตรวจสอบให้สินค้าและบริการได้มาตรฐานตามการรับประกันระดับคุณภาพของสินค้าหรือบริการนั้น ๆ (QA) และรอบการผลิต ช่วยให้นำสินค้าและบริการออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น และประหยัดค่าใช้จ่าย ข้อมูลที่เซ็นเซอร์ต่าง ๆ รวบรวมไว้ ณ เครื่องจักรแต่ละตัว ช่วยให้วิศวกรสามารถระบุและแก้ไขข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ทันที ก่อนที่จะกลายเป็นปัญหากับระบบ

ตามปกติแล้ว เซ็นเซอร์ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมเหล่านี้มีไมโครโปเซสเซอร์ที่มีความสามารถในการคิดและเรียนรู้ที่มีขอบเขต ซึ่งใช้ตรวจสอบและตรวจวัดปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความดัน ความร้อน หรือการไหลของน้ำ ในทำนองเดียวกัน สมาร์ทมิเตอร์หรืออุปกรณ์ตรวจวัดอัจฉริยะที่ติดตั้งอยู่ ณ จุดหนึ่ง ๆ ก็มีความสามารถในการประมวลผลบางประการ เช่น บันทึกปริมาณการใช้ก๊าซ ไฟฟ้า หรือน้ำในครัวเรือน และนำข้อมูลที่บันทึกไว้นั้นไปใช้ประโยชน์ จะเห็นได้ว่าสมาร์ทมิเตอร์คืออุปกรณ์ปลายทางหรืออุปกรณ์เอดจ์ที่มีประสิทธิภาพ

การใช้งานลักษณะนี้ในปัจจุบันยังอยู่ในขอบเขตจำกัด แต่ในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่สมาร์ทมิเตอร์จะนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมไว้นั้นไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นได้มากกว่าแค่การคำนวณค่าบริการ สมาร์ทมิเตอร์อาจช่วยให้ค่าธรรมเนียมการใช้ไฟลดลง ทำการปิดอุปกรณ์เมื่อไม่ได้ใช้งาน และแม้แต่เปิดหน้าต่างหากอุณหภูมิในอาคารสูงถึงระดับที่ตั้งไว้

การบริหารจัดการเมืองด้วยระบบอัจฉริยะ

หากพิจารณาตามหลักการดังกล่าวนี้ การใช้เอดจ์คอมพิวติ้งที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับภาครัฐในแต่ละท้องถิ่น คือการนำเอดจ์คอมพิวติ้งไปใช้ในการบริหารจัดการเมืองให้มีความเป็นอัจฉริยะมากขึ้นหรือสมาร์ทซิตี้ และในไม่ช้าก็เร็ว สมาร์ทมิเตอร์จะถูกนำไปใช้ในการบริหารจัดการการใช้พลังงานในท้องถิ่นและครัวเรือน และอุปกรณ์เอดจ์ต่าง ๆ จะสามารถใช้บริหารจัดการสถานการณ์หลากหลายด้านของเมือง ๆ หนึ่งได้

เมื่อพิจารณางานที่เกี่ยวกับการจัดการจราจรใจกลางเมือง ผู้ควบคุมเพียงรู้และเข้าใจว่าถนนแต่ละสายมีการจราจรหนาแน่นเพียงใดในเวลาใดเท่านั้น ก็จะสามารถตัดสินใจได้เลยว่าต้องปรับการจราจรบนถนนช่วงใดหรือไม่ หรือต้องเปลี่ยนระยะเวลาของสัญญาณไฟจราจรช่วงใดบ้าง เพื่อบรรเทาความแออัด แต่หากต้องใช้เวลาส่งข้อมูลที่เกิดขึ้นกลับไปประมวลผลยังหน่วยงานกลาง ข้อมูลนั้นอาจล้าสมัยไปแล้ว เมื่อมีการสั่งการแก้ไขปัญหานั้น ๆ ก็ไม่ทันกาลเพราะปัญหาอาจไม่ได้อยู่ ณ จุดเดิมแล้ว อาจย้ายไปอยู่จุดอื่นหรือขยายเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้น หรือหมดปัญหาไปแล้วก็ได้

อย่างไรก็ตาม การนำระบบการประมวลผลไปวางไว้ใกล้กับถนนต่าง ๆ มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเสริมระบบการประมวลผลนั้นด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิ่ง (ML) อาจทำให้ระบบสัญญาณไฟจราจรสามารถควบคุมการทำงานได้ด้วยตัวเองอย่างอิสระตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เทคโนโลยี AI/ML สามารถทำความเข้าใจสาเหตุและผลกระทบจากสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันมาแล้ว และเรียนรู้ว่าเคยแก้ปัญหานั้นอย่างไร ดังนั้นเราสามารถติดตั้งอุปกรณ์เอดจ์ที่มี AI/ML ไว้บนเสาสัญญาณไฟจราจร เพื่อให้ระบบแยกแยะระบุปัญหาที่พบและทำการแก้ไขได้ในเวลาเกือบจะทันทีที่เกิดปัญหานั้น

การใช้เอดจ์คอมพิวติ้งกับงานด้านอื่น ๆ ของภาครัฐ

การนำความสามารถของเอดจ์เทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการด้านการจราจรเป็นเพียงหนึ่งในแนวทางที่ใช้ในการบริหารจัดการเมืองเท่านั้น ตัวอย่างอื่น เช่น การติดตามตรวจสอบระบบปรับสภาวะอากาศ (HVAC) ในอาคารสถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นทรัพย์สินของราชการ เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานที่คุ้มค่ามากขึ้น และตรวจวัดความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้สาธารณูปโภคของครัวเรือนและธุรกิจ เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำ หรือของที่ไม่ต้องการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ เอดจ์คอมพิวติ้งยังมีบทบาทในการวางแผนสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ได้มีการติดตั้งอุปกรณ์เอดจ์ไว้ที่จุดสำคัญต่าง ๆ ที่ภูเขาไฟฟูจิของประเทศญี่ปุ่น เพื่อสตรีมส่งข้อมูลสภาพแวดล้อมหลากหลายรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ในกรณีเกิดแผ่นดินไหว ข้อมูลที่สตรีมมานี้ช่วยให้บริการฉุกเฉินต่าง ๆ ตอบสนองได้เกือบจะทันที ด้วยการส่งทีมบุคลากรฉุกเฉินไปยังสถานที่เกิดเหตุในช่วงเวลาที่ทันต่อสถานการณ์

ศักยภาพของการประมวลผล ณ จุดรับข้อมูลหรือที่เอดจ์ยังคงพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ เราสามารถนำข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ที่ติดตั้งอยู่บนเสาสัญญาณไฟจราจรในเมืองมาใช้บริหารจัดการการไหลเวียนของการจราจร ด้วยการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น การจดจำภาพ รวมถึงการปรับช่วงเวลาของสัญญาณไฟจราจรได้เอง

ประโยชน์ของเอดจ์คอมพิวติ้งต่อหน่วยงานรัฐ

เป็นเรื่องปกติที่หน่วยงานรัฐทั่วไปมักมีงบประมาณหรือทรัพยากรที่จำกัด และไม่สามารถทำทุกสิ่งที่ต้องการได้ ระบบอัตโนมัติที่ทำงานอยู่ที่เอดจ์ มีขนาดเล็กกว่าดาต้าเซ็นเตอร์ที่หน่วยงานต่าง ๆ ใช้อยู่ในอดีต และนั่นคือการใช้คนเพื่อมาบริหารจัดการเทคโนโลยีน้อยลง ช่วยให้พนักงานมีเวลามากขึ้นเพื่อทำงานอื่นที่มีคุณค่ากว่าและมีประโยชน์กับประชาชนมากขึ้น

เทคโนโลยีเอดจ์ยังมีความยืดหยุ่นที่ช่วยให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถเลือกข้อมูลที่ต้องการเก็บ และกำหนดได้ว่าเก็บเพื่อวัตถุประสงค์ใด ซึ่งช่วยให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบตัดสินใจได้ว่าควรเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งใด และอุปกรณ์เอดจ์บางรายการจำเป็นต้องเชื่อมต่อตลอดเวลาหรือไม่

การโยกย้ายการทำงานจากดาต้าเซ็นเตอร์ไปใช้เอดจ์คอมพิวติ้ง สามารถช่วยให้หน่วยงานรัฐให้บริการได้ดีขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และคุ้มค่าใช้จ่ายที่ลงทุนไป

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เจซีแอนด์โค” ร่วมมือ “ฮาห์ม พาร์ทเนอร์” เปิดกลยุทธ์เสริมแกร่ง แบรนด์เกาหลีสู่ไทยและตลาด APAC

รู้จัก “One Asia Communications” การรวมตัวจาก บ.พีอาร์กว่า 10 ชาติในเอเชีย เสริมแกร่งงานสื่อสารข้ามประเทศ สร้างการเข้าถึงตลาด APAC ได้อย่างไร้รอยต่อ...

Responsive image

ส.อ.ท. จับมือ ม.มหิดล ลงนามความร่วมมือ ดันเกษตรอัจฉริยะ โครงการ SAI

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และมหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการนวัตกรรมต้นแบบ Smart Agriculture Industry (SAI) เพื่อการเรียนรู้และบ่มเพาะแนวทางเกษตรอ...

Responsive image

Grab เปิดตัว GrabExecutive หลังบริการเรียกรถพรีเมียมโต 50% พร้อมดึง VATANIKA ดีไซน์ชุดเครื่องแบบคนขับ

แกร็บเปิดตัว GrabExecutive บริการเรียกรถหรูระดับพรีเมียม โตแรง 50% เจาะตลาดนักธุรกิจ-นักท่องเที่ยวไฮเอนด์ พร้อมบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟ รถหรู-คนขับมืออาชีพ-ดีไซน์ยูนิฟอร์มโดย VATANIKA...