ปอกเปลือกเส้นทางแห่งความก้าวหน้ากับบทบาทผู้หญิง บนสนามรบธุรกิจของ 5 หญิงแกร่งของ dtac

ความแตกต่างหลากหลาย’ ถือเป็นหนึ่งคุณค่าที่สำคัญที่ dtac ใช้เป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจ dtac เชื่อว่าบริการที่มาจากการ ‘สร้างสรรค์ร่วมกัน (create together)’ จากหลากหลายมุมมองและองค์ประกอบจะนำมาซึ่งบริการที่เท่าเทียมและทั่วถึง อีกทั้งเชื่อว่าองค์กรที่มีทรัพยากรมนุษย์ที่สมดุล (balanced workforce) เป็นปัจจัยสำคัญแห่งความสำเร็จขององค์กร ด้วยเหตุนี้ dtac จึงสนับสนุนและส่งเสริมสิทธิและความเท่าเทียมของผู้หญิงผ่านนโยบายและสภาพแวดล้อมในการทำงาน

เนื่องในวันสตรีสากล 2564 หรือ International Women’s Day ซึ่งตรงกับวันที่ 8 มีนาคมของทุกปี dtac ของร่วมเป็นอีกหนึ่งเสียงในการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ พร้อมเฉลิมฉลองกับบทบาทและความสำคัญของผู้หญิงในแวดวงธุรกิจ ด้วยการส่งต่อเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจจาก 5 ผู้นำหญิงจาก dtac

คุณทิพยรัตน์ แก้วศรีงาม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานขาย

คุณทิพยรัตน์ แก้วศรีงาม หรือ ‘พี่เจี๊ยบ’ ของชาว dtac เป็นผู้บริหารที่คร่ำหวอดในหลากหลายแวดวงและองค์กรทั้งในและต่างประเทศ มานานกว่า 20 ปี นับตั้งแต่ที่บริษัทที่ปรึกษา การเงินการธนาคาร ค้าปลีก และโทรคมนาคม

ปัจจุบันมีผู้หญิงที่มีบทบาทในระดับบริหารขององค์กรธุรกิจมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องของความสามารถมากกว่าเรื่องเพศ ทุกคนอยู่บนพื้นฐานของมาตรวัดในการทำงานเดียวกันไม่ว่าจะเพศอะไรก็ตาม ในอดีต ผู้หญิงอาจมีอุปสรรคในการได้รับโอกาสในการทำงานบางประเภท บางอุตสาหกรรม แต่ปัจจุบัน สังคมไทยมีความก้าวหน้าขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ ผู้หญิงได้รับเลือกดำรงตำแหน่งในระดับบริหารมากขึ้น มีบทบาทในงานที่ใช้ทักษะการวิเคราะห์มากขึ้น ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นพัฒนาการที่สำคัญทางเพศและเป็นอีกหนึ่ง Breakthrough ของสังคมไทยเลยก็ว่าได้

“ความเป็นผู้หญิงมีจุดแข็งบางอย่างที่ทำให้การทำงานประสบความสำเร็จ เช่น ทักษะการโน้มน้าว เปิดใจ การประสานสิบทิศ ทำให้องค์กรพิชิตเป้าหมายได้เร็วขึ้น” พี่เจี๊ยบกล่าว

อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงมักเผชิญอุปสรรคในเส้นทางการทำงานอยู่บ้าง โดยเฉพาะข้อจำกัดทางร่างกายและกรอบทางสังคม เข่น การมีประจำเดือน และการตั้งครรภ์ ซึ่งปัจจัยหลังนี้ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจการทำงานอย่างมาก ดังนั้น การมีนโยบายลาคลอด 6 เดือนของ dtac ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยลดอุปสรรคให้พนักงานหญิงยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ทั้งในบทบาทแม่ และในฐานะคนทำงาน ส่งเสริมโอกาสในการเติบโตทางการงานและความเท่าเทียมทางเพศมากขึ้นบนการทำงาน เมื่อครบ 6 เดือนแล้ว ผู้หญิงก็สามารถกลับมาทำงานต่อได้ เปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้มีความก้าวหน้าในอาชีพต่อโดยกำจัดอุปสรรคทางร่างกายออกไป

“ในอดีต ผู้หญิงมักเผชิญกับทางสองแพร่งในชีวิต จะต้องเลือกว่าจะเอาครอบครัวหรือการทำงาน แต่ปัจจุบัน การให้สิทธิลาคลอดสำหรับผู้หญิง 6 เดือน ช่วยให้ผู้หญิงสามารถสร้างสมดุลระหว่างครอบครัวและการทำงานได้ดียิ่งขึ้น” พี่เจี๊ยบอธิบาย

หากให้เลือก #ChooseToChallenge เพื่อความเท่าเทียมทางเพศ พี่เจี๊ยบจะ Challenge อะไร?

“พี่ขอ challenge ความสามารถของผู้หญิง ในโลกที่เปลี่ยนแปลงในอัตราเร่ง เราต้องปรับตัวให้ทันกับยุคสมัย เอาชนะขีดจำกัดต่างๆ ที่มากับความเป็นผู้หญิง วิ่งชน ‘เพดานกระจก (Glass ceiling)’ ของตัวเองเสมอ”

คุณชุติมา ถิรมานิต ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานบริหารสินทรัพย์ กลุ่มงานการเงิน

ที่ผ่านมา วงการธุรกิจไทยมีพัฒนาการเรื่องความเท่าเทียมทางเพศมากขึ้นมาก เราเห็นโอกาสที่มากขึ้นสำหรับผู้หญิง ซึ่งถือเป็นแรงกระเพื่อมของความสำเร็จจากหลายองค์กรที่นำโดยผู้หญิง และนี่ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของสังคมที่มุ่งเน้นพัฒนาคนจากศักยภาพของมนุษย์อย่างเท่าเทียม

“พี่มองว่า Empathy หรือความเห็นอกเห็นใจ เป็นลักษณะเด่นของผู้หญิงที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้มากขึ้น ยิ่งในยุค customer centricity หรือลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ธุรกิจยิ่งจำเป็นต้องมีความเห็นอกเห็นใจ เข้าใจลูกค้าให้มาก เราถึงจะชนะใจลูกค้าได้” เธอกล่าว

นอกจากความเห็นอกเห็นใจแล้ว ผู้หญิงยังมีความเป็นนักวางแผนอีกด้วย ในด้านชีวิตส่วนตัว การมีนโยบายลาคลอด 6 เดือน ช่วยทำให้ผู้หญิงวางแผนชีวิตได้ดีมากมากขึ้น ทำให้ผู้หญิงจัดการความคิดของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นการให้โอกาสและสร้างความเท่าเทียมทางเพศกับผู้หญิง ซึ่งจากประสบการณ์กับน้องในทีม นโยบายลาคลอด 6 เดือนช่วยให้พวกเขาสามารถจัดสรรเวลาได้ดียิ่งขึ้น สร้างสมดุลระหว่างครอบครัวและชีวิตส่วนตัวได้ โดยที่พวกเขาไม่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง

หากให้เลือก #ChooseToChallenge เพื่อความเท่าเทียมทางเพศ คุณชุติมาจะ Challenge อะไร?

“พี่ขอ challenge ความเชื่อมั่นของผู้หญิงเราเอง ขอให้เราเชื่อมั่นในตัวเองว่าเราสามารถทำได้ แล้วเราจะผ่านอุปสรรคทางเพศและกรอบทางสังคมต่างๆ ไปได้”

คุณพลอย จาตุกัญญาประทีป ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาดระบบรายเดือน

อีกหนึ่งสาวเก่งของ dtac ผู้มีประสบการณ์การทำงานอันโชกโชนทั้งต่างประเทศและในประเทศ เธอบอกว่า “เรื่องเพศไม่เคยเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเธอเลย ความก้าวหน้าในหน้าที่การงานล้วนเป็นผลมาจากความสามารถ ในมิติทางสังคมเอง วงการธุรกิจไทยมีความเปิดกว้างเรื่องเพศมานานและมีพัฒนาการที่ดีขึ้น สังเกตได้ตัวเลขผู้บริหารหญิงต่อชายที่มีสัดส่วนมากขึ้นเป็นลำดับ”

แม้บริการโทรคมนาคมจะถูกออกแบบมาเพื่อทุกคน มีความเป็น inclusive อยู่แล้ว แต่เธอเชื่อว่าในมิติด้านการตลาด ยังมีโอกาสที่จะพัฒนาและออกแบบให้บริการให้ทั่วถึงมากขึ้น เข้าใจความต้องการของผู้หญิงเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มครอบครัว กลุ่มคุณแม่มือใหม่ เป็นต้น

ในชีวิตการทำงาน นอกจากจะได้รับความไว้วางใจให้ก้าวมาดูแลงานการตลาดลูกค้ารายเดือนเเล้ว ในชีวิตส่วนตัว เธอยังรับบทบาทคุณแม่มือใหม่อีกด้วย และนี่ทำให้เธอเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของนโยบายที่ช่วยทำให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศ

“นโยบายลาคลอด 6 เดือนช่วยให้ผู้หญิงกลับเข้ามาต่อติดเส้นทางการทำงานเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ 6 เดือนเป็นช่วงระยะที่พอดีกับการทำหน้าที่แม่ในระยะแรก เมื่อเทียบกับ 3 เดือนที่มันยากเหมือนกันสำหรับคนที่เป็นแม่ ที่การพักผ่อนอาจไม่เพียงพอ การเลี้ยงเด็กเล็กยังไม่เข้าที่ นอกจากนี้ พลอยยังมองว่าการสนับสนุนให้ผู้ชายได้มีส่วนร่วมกับครอบครัวในระยะแรกก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน”

แน่นอนว่าในยุคโควิด-19 ที่หลายคนต้องทำงานที่บ้านมากขึ้น บางครั้งผู้หญิงอาจเผชิญกับ ‘เส้นบางๆ’ ระหว่างชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานที่ต้องจัดการ แต่ขณะเดียวกัน ก็ทำให้ผู้หญิงมีเวลากับครอบครัวมากขึ้น ซึ่งถือเป็นความท้าทายอีกมิติของคนที่เป็นแม่และผู้หญิงในยุคโควิด

หากให้เลือก #ChooseToChallenge เพื่อความเท่าเทียมทางเพศ คุณพลอยจะ Challenge อะไร?

“พลอยขอ challenge การสร้างบทบาทที่สมดุลของผู้หญิง เพราะผู้หญิงมีบทบาทที่หลากหลายทั้งในชีวิตทำงานและส่วนตัว”

คุณอลิสรา ปันวิชัย ผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารและวางกลยุทธ์โครงข่าย

คุณอลิสราหรือพี่อร เป็นผู้หญิงเพียงไม่กี่คนที่ทำงานอยู่ในกลุ่มงานเทคโนโลยีของ dtac แต่ใครจะรู้ว่า เธอผู้นี้นี่แหละที่รับบท “กุนซือ” วางแผนกลยุทธ์ขยายโครงข่าย เพื่อให้ลูกค้า dtac สามารถใช้งานได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง

ย้อนกลับไปราว 10 กว่าปีที่แล้ว มีสัดส่วนของผู้หญิงที่เรียนในคณะวิศวกรรมอยู่ราว 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ถ้าห้องนึงมีจำนวนนักเรียนราว 30 คน ก็มีนักศึกษาหญิงใส่เสื้อช็อปอยุ่เพียง 6-7 คนเท่านั้น แต่ปัจจุบัน ด้วยสังคมที่เปิดกว้างขึ้นก็ทำให้มีจำนวนนักศึกษาหญิงที่มาเรียนวิชาทางวิศวกรรมมากขึ้น

“หลายคนมักจินตนาการว่าเรียนวิศวกรรมก็ต้องทำงานออนกราวด์ ออกภาคสนามทั้งหมด แต่ในความเป็นจริง ผู้หญิงสามารถทำงานวิศวกรรมได้อย่างดี ผู้หญิงเริ่มมีบทบาททางวิศวกรรมและเทคโนโลยีมากขึ้นในส่วนของการวางแผนและงานขาย ซึ่งถือเป็นอีกหมุดหมายสำคัญและพัฒนาการที่ดีขึ้นของวงการ หลังๆ นี้ เราก็เห็นผู้หญิงที่ทำงานออนกราวด์มากขึ้นด้วยซ้ำไป” เธออธิบาย

แต่ด้วยเนื้องานที่ต้องใช้เวลาและทำงานอย่างหนักตลอดเวลา โดยเฉพาะบริการโทรคมนาคมที่มีความไม่แน่นอนสูง ทำให้เธอเองและผู้หญิงหลายคนอาจเผชิญกับปัญหาการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตทำงานและส่วนตัว อย่างไรก็ตาม เธอเชื่อว่าการโฟกัสกับเป้าหมายจะช่วยให้การสร้างสมดุลดีขึ้นได้ เมื่อทำงานก็ใช้เวลาให้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดต่อสื่อสารกับคนที่เขารัก กับงานที่เขาทำได้ดีที่สุด เช่นเดียวกับ เวลาครอบครัว เธอก็จะใช้เวลากับลูกให้ดีที่สุด ให้เวลานั้นๆ เป็นช่วงเวลาแห่งคุณภาพที่สุดสำหรับครอบครัว

หากให้เลือก #ChooseToChallenge เพื่อความเท่าเทียมทางเพศ คุณอรจะ Challenge อะไร?

“อรขอ challenge ความเคารพต่อสิทธิความเป็นมนุษย์ของทุกคน ให้ทุกคนเคารพซึ่งกันและกันอย่างเท่าเทียม และเชื่อมั่นในศักยภาพของทุกคน”

คุณรัชญา กุลณพงษ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายความยั่งยืน

จากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา คุณรัชญามองว่า เพศไม่ได้เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของเธอ และโอกาสในการทำงานนั้นมีอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง โดยมุ่งเน้นจากความสามารถเป็นหลัก “อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากข้อจำกัดทางร่างกายแล้ว ผู้หญิงอาจมีภาระหน้าที่อยู่บ้าง เช่น การตั้งครรภ์ ซึ่งนโยบายลาคลอด 6 เดือนได้ทำหน้าที่ในการเสริมสร้างศักยภาพและส่งเสริมผู้หญิงในการทำงานให้เท่าเทียมขึ้น สะท้อนถึงหลักการออกแบบนโยบายที่คำนึงถึงบุคลากรกลุ่มต่างๆ ในองค์กรอย่างเท่าเทียม (Policy by Design)” เธออธิบาย

หากให้เลือก #ChooseToChallenge เพื่อความเท่าเทียมทางเพศ คุณนิ่มจะ Challenge อะไร?

“นิ่มขอ challenge การเหมารวมทางเพศหรือ gender stereotype สังคมไทยยังคงเผชิญกับมายาคติทางเพศบางประการ เช่น ผู้หญิงต้องอ่อนแอ ผู้ชายร้องไห้ไม่ได้ ซึ่งในกระบวนทัศน์ของโลกยุคใหม่ การเหมารวมทางเพศแบบเดิมอาจล้าสมัยไปแล้ว”

Fact and Figures

  • dtac เป็นบริษัทที่มีสัดส่วนจำนวนพนักงานที่เป็นเพศหญิงมากที่สุดในกลุ่มเทเลนอร์ โดยมีสัดส่วนที่ 61% ตามด้วย Digi ของมาเลเซียที่ 50% เมียนมา 37% เดนมาร์ก 34% สวีเดน 33% นอร์เวย์ 32% ปากีสถาน 20% และกรามีนโฟนของบังคลาเทศ 12%
  • สัดส่วนผู้หญิงที่รับตำแหน่งในระดับบริหารนั้นอยู่ที่ 31%  ในปี 2563 เพิ่มขึ้นจาก 20% ในปี 2559

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

รู้จัก “Better AI” จากโรงพยาบาลกรุงเทพ AI เปลี่ยนวงการสุขภาพ ด้วย 3 ฟีเจอร์เด่น

รู้จัก Better AI จากโรงพยาบาลกรุงเทพ กับ 3 ฟีเจอร์สุดล้ำที่ช่วยสรุปบทความสุขภาพให้ฟัง จับเทรนด์สุขภาพล่าสุด และแนะนำแพทย์ที่เหมาะกับคุณ เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทยทุกคน...

Responsive image

เจซีแอนด์โค” ร่วมมือ “ฮาห์ม พาร์ทเนอร์” เปิดกลยุทธ์เสริมแกร่ง แบรนด์เกาหลีสู่ไทยและตลาด APAC

รู้จัก “One Asia Communications” การรวมตัวจาก บ.พีอาร์กว่า 10 ชาติในเอเชีย เสริมแกร่งงานสื่อสารข้ามประเทศ สร้างการเข้าถึงตลาด APAC ได้อย่างไร้รอยต่อ...

Responsive image

ส.อ.ท. จับมือ ม.มหิดล ลงนามความร่วมมือ ดันเกษตรอัจฉริยะ โครงการ SAI

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และมหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการนวัตกรรมต้นแบบ Smart Agriculture Industry (SAI) เพื่อการเรียนรู้และบ่มเพาะแนวทางเกษตรอ...