Gartner คาดการณ์ตลาดเทคโนโลยีพัฒนา Low-Code ทั่วโลกปีนี้จะโตสูงถึง 23%

การ์ทเนอร์ อิงค์ คาดการณ์ตลาดเทคโนโลยีพัฒนาแอปพลิเคชั่นแบบ Low-Code ทั่วโลกจะมีมูลค่ารวม 11.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีนี้ เพิ่มขึ้น 23.2% จากปี 2563 ทั้งนี้การพัฒนาแบบรีโมทระหว่างการระบาดโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้นจะเป็นตัวผลักดันการพัฒนาแบบ Low-Code มากยิ่งขึ้นแม้ว่าจะมีความพยายามในการบริหารต้นทุนให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง

คุณฟาบริซิโอ บิสคอตติ รองประธานฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า “ถึงแม้ว่าการพัฒนาแอปพลิเคชั่นแบบ Low-Code จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เมื่อการหยุดชะงักทางดิจิทัล (Digital Disruptions), การผสานรวมเทคโนโลยี (Hyperautomation) และการเพิ่มขึ้นของการตัดสินใจทางธุรกิจที่พึ่งพาข้อมูลมากขึ้น (Composable Business) มาบรรจบกันจึงนำไปสู่เครื่องมือพัฒนาที่เพิ่มขึ้นและความต้องการที่ท่วมท้น”

Low-Code เป็นเหมือนการเคลื่อนไหวทางสังคมและเทคโนโลยีทั่ว ๆ ไปอย่างหนึ่งซึ่งคาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ เช่น แพลตฟอร์มแอปพลิเคชั่น Low-Code (LCAP) ที่จะเป็นองค์ประกอบที่ใหญ่ที่สุดในตลาดเทคโนโลยีพัฒนา Low-Code ไปจนถึงปีหน้าซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 5.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเพิ่มขึ้น 65% จากปีที่แล้ว (ดูตารางที่1)

ตารางที่ 1 รายได้จากเทคโนโลยีการพัฒนา Low-Code (หน่วย: ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

*เทคโนโลยีการพัฒนา Low-Code อื่น ๆ รวมถึงเครื่องมือการพัฒนาแอปฯ มือถืออย่างรวดเร็ว (RMAD) และเครื่องมือการพัฒนาแอปพลิเคชั่นอย่างรวดเร็ว (RAD) Low-code คือวิวัฒนาการของโมเดล RAD ไปสู่ระบบคลาวด์และ SaaS โปรดสังเกตว่าการ์ทเนอร์ให้ความหมายของแพลตฟอร์มแอปพลิเคชันแบบ No-Code เป็น LCAP ที่ต้องป้อนตัวอักษรเป็นสูตรหรือวลีทั่วไปเท่านั้น ดังนั้นตลาด LCAP จึงรวมถึงแพลตฟอร์มแบบ No-Code ด้วย นอกจากนี้ลำพังแพลตฟอร์ม “No-Code” อย่างเดียวไม่ใช่เกณฑ์วัดที่เพียงพอสำหรับงานบางอย่างที่เป็นของนักพัฒนาทั่วไปที่ไม่ใช่ผุ้เชี่ยวชาญเฉพาะ เนื่องจากงานจำนวนมากกำหนดค่าเครื่องมือที่ซับซ้อนเป็นแบบ No-Code ที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะทาง บรรทัดนี้จึงไม่นับรวมไปในผลรวมด้วยเนื่องจากการปัดเศษ

ที่มา: Gartner (กุมภาพันธ์ 2564)

การเพิ่มขึ้นของธุรกิจดิจิทัลขับเคลื่อนการส่งมอบแอปพลิเคชั่น

การเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจดิจิทัลกำลังกดดันผู้บริหารด้านไอทีให้เร่งการส่งมอบแอปพลิเคชั่นและระยะเวลาส่งมอบบริการตามความต้องการ (Time to Value)  ความต้องการซอฟต์แวร์แบบปรับเฉพาะเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิทัลได้จุดประกายให้เกิดนักพัฒนานอกแวดวงไอทีซึ่งส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของ Low-Code

ผลการวิจัยของการ์ทเนอร์ระบุว่า พนักงานที่อยู่นอกฝ่ายไอทีหรือนักธุรกิจเชิงเทคโนโลยีเฉลี่ย 41% กำหนด ปรับแต่ง สร้างข้อมูลหรือโซลูชั่นเทคโนโลยีขึ้นใช้เอง การ์ทเนอร์คาดการณ์ภายในสิ้นปี 2568 ครึ่งนึงของลูกค้า Low-Code ใหม่ทั้งหมดจะมาจากผู้จัดซื้อทางธุรกิจที่อยู่นอกองค์กรไอที

“ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้คุณค่าต่าง ๆ ของ Low-Code สมบูรณ์ยิ่งขึ้น” นายบิสคอตตีกล่าว “ประสิทธิภาพของ Low-Code ที่รองรับฟังก์ชันการทำงานระยะไกล เช่น ดิจิทัลฟอร์มและกระบวนการทำงานอัตโนมัติจะมีค่าตัวที่ยืดหยุ่นมากขึ้นเนื่องจากธุรกิจจำเป็นต้องให้แอปฯ ใช้งานได้อยู่ตลอดเวลา”

การให้บริการด้านซอฟต์แวร์ (SaaS) และการผสานรวมเทคโนโลยี (Hyperautomation) จะขับเคลื่อนการใช้งาน Low-Code

ในปัจจุบันผู้จำหน่ายการบริการด้านซอฟต์แวร์ (SaaS) รายใหญ่ทั้งหมดสามารถนำเสนอโซลูชั่นที่รวมเทคโนโลยีการพัฒนา Low-Code ไว้ด้วย เมื่อ SaaS ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นและแพลตฟอร์มของผู้ขายเหล่านี้มีการใช้มากขึ้น ตลาด Low-Code จะเห็นสัดส่วนการเติบโตในแพลตฟอร์มแอปพลิเคชั่น Low-Code (LCAP) และการใช้เครื่องมืออัตโนมัติในกระบวนการทำงานไปคู่กัน

นอกจากนี้นักธุรกิจเชิงเทคโนโลยีต้องการสร้างและทำตามแนวคิดของตนเองเพื่อขับเคลื่อนระบบอัตโนมัติมากขึ้นในแอปพลิเคชันทางธุรกิจและกระบวนการทำงาน ความจำเป็นของการผสานรวมเทคโนโลยี (Hyperautomation) ที่ขับเคลื่อนด้วยธุรกิจจะเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนสามอันดับแรกในการปรับใช้ Low-Code ไปใช้จนถึงปี 2565

“ภายในสิ้นปี 2564 องค์กรใหญ่ ๆ ทั่วโลกจะนำเครื่องมือ Low-Code หลายตัวมาใช้ในบางรูปแบบ ในระยะยาวจากการที่บริษัทต่าง ๆ ยอมรับหลักการของการรวบรวมความสามารถทางธุรกิจที่สร้างขึ้นจากโครงสร้างข้อมูลที่มีความยืดหยุ่นไว้ในที่เดียวกัน (Composable Enterprise) พวกเขาจะหันไปใช้เทคโนโลยี Low-Code ที่สนับสนุนนวัตกรรมแอปพลิเคชันและการบูรณาการ” นายบิสคอตตีกล่าว ลูกค้าการ์ทเนอร์สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ “Forecast Analysis: Low-Code Development Technologies.”

การประชุมสุดยอดนวัตกรรมแอปพลิเคชั่นและโซลูชั่นทางธุรกิจของการ์ทเนอร์

นวัตกรรมแอปพลิเคชันและกลยุทธ์ด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์จะมีการสนทนาเพิ่มเติมในงาน Gartner Application Innovation & Business Solutions Summits 2564 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 26-27 พฤษภาคมที่ประเทศสหรัฐอเมริกา วันที่ 16-17 มิถุนายนที่ทวีปยุโรปตะวันออกกลางและแอฟริกา (EMEA) และ 21-22 มิถุนายนที่ประเทศญี่ปุ่น ติดตามข่าวสารและอัปเดตจากการประชุมบน Twitter โดยใช้แฮชแท็ก #GartnerAPPS

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เจซีแอนด์โค” ร่วมมือ “ฮาห์ม พาร์ทเนอร์” เปิดกลยุทธ์เสริมแกร่ง แบรนด์เกาหลีสู่ไทยและตลาด APAC

รู้จัก “One Asia Communications” การรวมตัวจาก บ.พีอาร์กว่า 10 ชาติในเอเชีย เสริมแกร่งงานสื่อสารข้ามประเทศ สร้างการเข้าถึงตลาด APAC ได้อย่างไร้รอยต่อ...

Responsive image

ส.อ.ท. จับมือ ม.มหิดล ลงนามความร่วมมือ ดันเกษตรอัจฉริยะ โครงการ SAI

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และมหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการนวัตกรรมต้นแบบ Smart Agriculture Industry (SAI) เพื่อการเรียนรู้และบ่มเพาะแนวทางเกษตรอ...

Responsive image

Grab เปิดตัว GrabExecutive หลังบริการเรียกรถพรีเมียมโต 50% พร้อมดึง VATANIKA ดีไซน์ชุดเครื่องแบบคนขับ

แกร็บเปิดตัว GrabExecutive บริการเรียกรถหรูระดับพรีเมียม โตแรง 50% เจาะตลาดนักธุรกิจ-นักท่องเที่ยวไฮเอนด์ พร้อมบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟ รถหรู-คนขับมืออาชีพ-ดีไซน์ยูนิฟอร์มโดย VATANIKA...