Microsoft เผยงานวิจัย Work Trend Index ระบุเทรนด์ของโลกแห่งการทำงานในยุคที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ

Microsoft ประกาศผลงานวิจัยจากดัชนีแนวโน้มการทำงานประจำปีครั้งแรก ในหัวข้อ “The Next Great Disruption Is Hybrid Work - Are We Ready?” รายงานเปิดเผยแนวโน้มการทำงานแบบไฮบริด 7 ประการที่ผู้บริหารทุกคนต้องรู้เมื่อเข้าสู่วิถีการทำงานยุคใหม่ รายงานแสดงให้เห็นว่า ผู้บริหารควรเข้าใจและกระตุ้นให้การทำงานแบบไฮบริดกลายเป็นการทำงานแบบปกติ เรียกได้ว่าจำเป็นต้องคิดใหม่และรื้อวิธีการทำงานเก่าๆ ที่ทำกันมาอย่างยาวนาน

Microsoft Trend Index

“ทางเลือกที่เราเลือกกันในวันนี้จะมีผลต่อองค์กรในอีกหลายปีข้างหน้าอย่างแน่นอน มันเป็นเวลาที่ต้องแสดงความชัดเจนในด้านวิสัยทัศน์ของผู้นำพร้อมๆ ไปกับการเปิดกว้างในการรับความคิดเห็นรอบข้าง” 

นางชนิกานต์ โปรณานันท์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาดและปฏิบัติการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “การตัดสินใจเหล่านี้จะส่งผลต่อทุกสิ่งตั้งแต่การกำหนดรูปแบบวัฒนธรรมต่อจากนี้ ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจและรักษาพนักงานที่มีความสามารถไว้ได้ในคราวเดียวกัน ตลอดจนการส่งเสริมความร่วมมือในองค์กรและการสร้างความครีเอทีฟให้เกิดมากขึ้นอีกด้วย”

ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานของลักษณะการทำงาน ดังนี้:

•    เทรนด์การทำงานร่วมกันใน Microsoft Teams และ Outlook บ่งชี้ว่า วงทำงานของเราแคบขึ้น ซึ่งการทำงานรูปแบบไฮบริดจะสามารถช่วยขยายและทำให้สิ่งเหล่านี้ดีขึ้นได้

•    ผลจากการวิจัยชี้ว่า ทั่วโลก 1 ปีที่ผ่านมา เทียบระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ของปี 2021 กับ 2020คนเราใช้เวลาประชุมเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า และมีการส่งอีเมลมากกว่า 4 หมื่นล้านฉบับ 

•    การทำงานจะค่อยๆ มีความประนีประนอมมากขึ้น โดยเกือบ 40% บอกว่าพวกเขารู้สึกสบายใจขึ้นที่ได้ทำงานแบบเต็มตัวมากกว่าช่วงก่อนหน้านี้ โดยผลสำรวจพบว่า เมื่อปีทีผ่านมา 1 ใน 6 ถึงกับร้องไห้กับเพื่อนร่วมงานมาแล้ว

นอกจากนี้ งานวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าเรากำลังอยู่ในช่วงจุดเปลี่ยนสำคัญจากเรื่องของสถานที่ทำงาน ผลสำรวจในเรื่อง Remote Work พบว่า:

•    73% ของคนทำงาน ต้องการให้การทำงานแบบ remote work ยังคงดำเนินต่อไป

•    การประกาศรับสมัครงานที่สามารถทำจากที่ไหนก็ได้บน LinkedIn นั้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เท่าในช่วงที่มีการแพร่ระบาด

•    แรงงานทั่วโลกกว่า 40% กำลังพิจารณาที่จะย้ายออกจากนายจ้างเดิมในปีนี้ และ 46% กำลังวางแผนที่จะย้ายงานที่สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ 

ในระยะสั้น การแสดงให้เห็นถึงจุดยืนของนโยบายการทำงานที่ยืดหยุ่นนั้น จะส่งผลกระทบทั้งต่อคนอยู่ คนไป และคนที่เข้าทำงานใหม่ เพื่อช่วยเหลือองค์กรต่างๆ ในช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นี้ ดัชนีแนวโน้มการทำงานปี 2021 รวบรวมผลสำรวจจากการศึกษาผู้คนมากกว่า 31,000 คน ใน 31 ประเทศทั่วโลก (รวมถึงประเทศไทย) โดยวิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำงานพร้อมๆ ไปกับการตรวจจับสัญญาณสำคัญจากคนทำงานที่มาจากข้อมูลนับล้านล้านข้อมูลใน Microsoft 365 และ LinkedIn นอกจากนี้ยังรวบรวมมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายด้าน ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาวิธีการทำงานร่วมกัน ทุนทางสังคม และผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบพื้นที่ทำงานเพื่อการทำงานโดยเฉพาะที่มีประสบการณ์มานานหลายทศวรรษอีกด้วย

นอกจากการเปิดเผยผลสำรวจการทำงานในอนาคตแล้ว Work Trend Index ยังระบุกลยุทธ์สำคัญ 5 ประการ สำหรับผู้บริหาร ที่จำเป็นต้องนำมาใช้ ดังนี้

1.    เตรียมแผนดึงศักยภาพคนขององค์กรเมื่อต้องทำงานแบบใหม่ที่มีความยืดหยุ่นสูง

2.    ลงทุนทั้งในเรื่องสถานที่และเทคโนโลยีเพื่อเชื่อมต่อโลกแห่งการทำงานแบบออฟไลน์และออนไลน์ให้ถูกต้องและสอดคล้องกัน

3.    คิดหาทางออกให้พนักงานต่อสู้กับความเหนื่อยล้าจากการทำงานแบบออนไลน์

4.    ให้ความสำคัญกับการสร้างทุนทางสังคมและวัฒนธรรม

5.    ทบทวนแผนการสร้างประสบการณ์และแผนการเรียนรู้ให้กับพนักงาน เพื่อเสาะหาคนที่มีความสามารถที่สุดและหลากหลายที่สุด

“ในระหว่างการแพร่ระบาดครั้งนี้ เราได้สังเกตเห็นถึงบางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และหนึ่งเทรนด์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดก็คือการเพิ่มขึ้นของ remote work” คาริน คิมโบรห์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ LinkedIn กล่าวว่า “เรามองเห็นโอกาสที่เกิดขึ้นอย่างเท่าเทียมกันจาก remote work และเห็นผู้ที่มีความสามารถหรือ talent ในวงกว้างขึ้น ดังนั้นเราจะเห็นการกระจายตัวของทักษะต่างๆ อย่างกว้างขวางไปทั่วประเทศ และนี่เป็นเวลาที่ผู้บริหารจะใช้โอกาสนี้ในการเข้าถึงผู้ที่มีทักษะและความสามารถที่แตกต่างกันซึ่งไม่เคยมีมาก่อน”

ทุกคนสามารถเข้าไปดูผลการวิจัยฉบับเต็มได้ที่ Microsoft’s Worklab  


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เจซีแอนด์โค” ร่วมมือ “ฮาห์ม พาร์ทเนอร์” เปิดกลยุทธ์เสริมแกร่ง แบรนด์เกาหลีสู่ไทยและตลาด APAC

รู้จัก “One Asia Communications” การรวมตัวจาก บ.พีอาร์กว่า 10 ชาติในเอเชีย เสริมแกร่งงานสื่อสารข้ามประเทศ สร้างการเข้าถึงตลาด APAC ได้อย่างไร้รอยต่อ...

Responsive image

ส.อ.ท. จับมือ ม.มหิดล ลงนามความร่วมมือ ดันเกษตรอัจฉริยะ โครงการ SAI

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และมหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการนวัตกรรมต้นแบบ Smart Agriculture Industry (SAI) เพื่อการเรียนรู้และบ่มเพาะแนวทางเกษตรอ...

Responsive image

Grab เปิดตัว GrabExecutive หลังบริการเรียกรถพรีเมียมโต 50% พร้อมดึง VATANIKA ดีไซน์ชุดเครื่องแบบคนขับ

แกร็บเปิดตัว GrabExecutive บริการเรียกรถหรูระดับพรีเมียม โตแรง 50% เจาะตลาดนักธุรกิจ-นักท่องเที่ยวไฮเอนด์ พร้อมบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟ รถหรู-คนขับมืออาชีพ-ดีไซน์ยูนิฟอร์มโดย VATANIKA...