Techsauce มีโอกาสเข้าร่วมงาน GrabX 2025 ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ณ ประเทศสิงคโปร์ และต้องบอกว่าก้าวนี้ของ Grab ไม่ใช่แค่การเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ แต่คือการวางหมากใหญ่ในเกม Ecosystem Economy แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยยุทธศาสตร์ที่รวมเอา Generative AI, Personalization at Scale, และ Human-Centric Design มาไว้ในแกนกลาง
งานนี้ถือเป็นการเปิดวิสัยทัศน์ใหม่ของ Grab ภายใต้ธีม “For Every You” พร้อมโชว์ไลน์อัปนวัตกรรม AI แบบเต็มสเกล ที่ไม่ได้ออกแบบแค่ให้ “ใช้งานได้” แต่ต้อง “ใช้งานได้อย่างเข้าใจผู้ใช้”
“AI-First with Heart” คือปรัชญาใหม่ของ Grab ที่ไม่ได้มอง AI เป็นเพียงกลไกเพิ่มประสิทธิภาพ แต่เป็นเครื่องมือเพื่อแก้ปัญหาของผู้คน
แอนโทนี ตัน ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Grab เริ่มต้นด้วยการแนะนำ “Mai” แอคเคานต์เมเนเจอร์ที่ช่วยเหลือร้านค้าได้อย่างรวดเร็วและมี Empathy สูง ซึ่งในตอนแรกทุกคนคิดว่าเบื้องหลังเป็นคนที่คอยโต้ตอบ แต่คุณแอนโทนีได้เฉลยว่า Mai ไม่ใช่มนุษย์ แต่คือ AI Merchant Assistant ที่ Grab พัฒนาขึ้น
นอกจากนี้ Grab ประกาศเสริมความร่วมมือกับ OpenAI และเปิดตัวพันธมิตรใหม่ Anthropic เพื่อร่วมกันพัฒนา Frontier AI ที่ไม่ใช่แค่ “ใหญ่” แต่ต้อง “เข้าใจบริบทเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
Grab จะนำข้อมูลเชิงลึกที่เก็บจากผู้ใช้นับล้านมาช่วย fine-tune โมเดล AI ให้เข้าใจภาษา วัฒนธรรม พฤติกรรม และ pain point เฉพาะถิ่น
คุณแอนโทนีย้ำว่าเทคโนโลยีของ Grabไม่ได้ถูกสร้างในห้องแล็บหรือหลังจอคอมพิวเตอร์
“เราสร้างผลิตภัณฑ์ในตลาดสด บนมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และในเมืองระดับ Tier 3 ที่ต้องเปลี่ยนรถ 3 ต่อถึงจะไปถึงได้... เพราะของจริงเกิดจากการฟัง” นั่นคือเหตุผลที่ Grab ยังคงให้ความสำคัญกับ field immersion และ ground insights เสมอ เพราะผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดไม่เคยเกิดจากสมมติฐาน
Grab Teen: เปิดให้ “วัยรุ่น” ใช้งาน Grab ได้อย่างปลอดภัย เด็กอายุ 13–17 ปีสามารถมีบัญชี Grab ของตัวเองได้ โดยเชื่อมต่อกับบัญชีผู้ปกครอง และมาพร้อมฟีเจอร์ความปลอดภัย:
Gatherings Made Seamless: ระบบสั่งอาหารชุดใหญ่โดยไม่สะดุด พระครอบครัวคนเอเชีย เมื่อมีโอกาสพิเศษที่ต้องสั่งอาหารเยอะ เช่น เทศกาลรอมฎอนหรือปีใหม่ ระบบ AI จะตรวจจับอัตโนมัติว่าออเดอร์ใหญ่เกินไปสำหรับไรเดอร์คนเดียวหรือไม่ หากใช่ระบบจะเปลี่ยนจากมอเตอร์ไซค์เป็นรถยนต์โดยอัตโนมัติ หรือแยกออเดอร์ให้ไรเดอร์ 2 คนจัดส่งพร้อมกัน (AI คำนวณเวลาให้ถึงพร้อมกัน)
มีการประมวลผลออเดอร์นับล้านต่อวัน จากเมนูมากกว่า 175 ล้านรายการ นี่คือ AI at scale ที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง
GrabFood for One: เมนูเดี่ยว ราคาเบา ไม่ต้องคิดมาก เป็นฟีเจอร์ที่จะมีเมนูที่คัดสรรมาเพื่อคนกินคนเดียวโดยเฉพาะ ไม่มีขั้นต่ำ ค่าส่งตายตัว และดีลพิเศษ ใช้งานได้ในฟิลิปปินส์-เวียดนามแล้ว เตรียมเปิดในไทยเร็ว ๆ นี้
Shared Saver: แชร์ค่าส่งกับคนใกล้ตัว (ที่ไม่รู้จักก็ได้!) โดยระบบจับคู่ออเดอร์ใกล้เคียงโดยอัตโนมัติ ให้คุณเข้าร่วมคำสั่งซื้อของคนอื่นที่อยู่ในละแวกเดียวกัน เช่น ออฟฟิศเดียวกัน โดยไม่ต้องเสีย Small Order Fee, แชร์ค่าส่งราคาถูกลง ซึ่งเบื้องหลังการทำงานคือ AI จะดึงรายการที่เป็นไปได้มาแสดงบนหน้าจอ พร้อมนับถอยหลังเพื่อให้ตัดสินใจก่อนหมดเวลา
Advance Booking (Airport Pickup): จองรถจากสนามบินล่วงหน้าได้ พร้อมฟีเจอร์ อาทิ
Grab Travel Pass: แพ็กเกจรวมส่วนลดบริการของ Grab ทั้งรถรับ-ส่ง อาหาร และร้านอาหาร เหมาะสำหรับสายเที่ยวข้ามประเทศในอาเซียน
Dine Out Discovery: ค้นหาร้านอาหารเด็ดโดยใช้ GrabMaps พร้อมตัวกรองละเอียด เช่น ประเภทอาหาร ความนิยม รีวิวจากผู้ใช้งานจริง หรือจะเป็นบริการจองโต๊ะ / เรียกรถ / นำทาง ได้บนแอป Grab แอปเดียว
AI Merchant Assistant ผู้ช่วยร้านค้าที่ไม่หลับใหล ซึ่งเป็น AI ในแอป GrabMerchant ที่ทำงานเหมือนทีมการตลาดส่วนตัว เช่น
ไม่รอให้ถามก่อน แต่ AI Assistant จะ “แชทมาเอง” แบบเชิงรุก
AI Driver Companion คือ AI ที่คอยวิเคราะห์พฤติกรรมและสถานการณ์บนท้องถนนแบบเรียลไทม์ และจุดสำคัญคือ สามารถคาดการณ์ “Hot Spot” หรือจุดที่มีผู้เรียกใช้บริการเรียกรถเยอะล่วงหน้า เพื่อแนะนำจุดรอรับงานให้แก่ไรเดอร์
มาพร้อมด้วยระบบ Voice Reporting ให้คนขับรายงานเหตุการณ์บนถนนด้วยเสียง เช่น น้ำท่วม ปิดถนน หรืออุบัติเหตุ แล้วระบบจะแจ้งเตือนเพื่อนร่วมทางใน 10 นาที
ฟิลลิป แคนดัล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของแกร็บ กล่าวว่า “ไม่ว่าคุณจะใช้เวลากับครอบครัว ชอบอยู่คนเดียว หรือชอบออกเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ แกร็บพยายามพัฒนานวัตกรรมและบริการต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ทุกช่วงเวลาของคุณให้สะดวกและมีความหมายยิ่งขึ้น เป้าหมายของเราคือการลดความยุ่งยากในชีวิต และช่วยให้ผู้ใช้บริการของเราโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทใดก็ตาม”
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด