Osaka-Kansai Expo 2025 ได้เปิดฉากขึ้นตั้งแต่วันที่ 13 เมษายนไปจนถึง 13 ตุลาคม 2025 รวมแล้ว รวม 184 วันเต็มๆ ณ เกาะยูเมะชิมะ เมืองโอซาก้า จุดนัดพบของวัฒนธรรมจากทั่วโลกและเทคโนโลยีล้ำอนาคตในเวทีเดียว หากคุณคือสายเทค สายธุรกิจ หรือผู้สนใจอนาคตของโลกใบนี้ งานนี้นับเป็นโอกาสที่ไม่ควรพลาด
บทความนี้ Techsauce จะพาไปเจาะลึกไฮไลต์สำคัญของงาน ตั้งแต่ธีมหลัก ไปจนถึงประสบการณ์ที่คุณจะได้สัมผัสในงาน Osaka-Kansai Expo 2025
World Expo หรือที่รู้จักในชื่อ International Exposition คือเวทีระดับนานาชาติที่รวมเอานวัตกรรม เทคโนโลยี และวัฒนธรรมจากทุกมุมโลกมานำเสนอ พร้อมเป็นพื้นที่ให้ประเทศต่าง ๆ ได้แชร์วิสัยทัศน์เพื่ออนาคตร่วมกัน งานระดับโลกนี้จัดขึ้นทุก 5 ปี โดยมีเจ้าภาพหมุนเวียนไปในแต่ละประเทศ และแต่ละครั้งก็จะมีธีมเฉพาะตัวที่สะท้อนโจทย์ใหญ่ของยุคสมัย
สำหรับปี 2025 ญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพอีกครั้ง โดยใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า Japan World Exposition 2025 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Osaka-Kansai Expo ซึ่งจะเป็นมากกว่านิทรรศการ แต่คือห้องทดลองมีชีวิตสำหรับอนาคตของมนุษย์ ภายใต้ธีมหลักว่า Designing Future Society for Our Lives
โซนทั้งหมดของงาน Expo 2025 จะแบ่งออกเป็น 8 โซนหลัก อาทิ
โดยมี “Grand Roof Ring” โครงสร้างวงแหวนไม้ขนาดใหญ่เป็นสัญลักษณ์หลัก ที่เชื่อมทุกโซนเข้าด้วยกัน
ภายใต้แนวคิด People’s Living Lab งานนี้คือห้องแล็บขนาดยักษ์สำหรับทดลองเทคโนโลยีระดับโลกจากกว่า 161 ประเทศ และ 9 องค์กรนานาชาติ ที่พร้อมโชว์ของจริงให้ผู้เข้าชมได้ใช้ และมีส่วนร่วม โดยจะมีเทคโนโลยีเด่น ๆ ที่รอคุณอยู่ อาทิ
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Expo 2025 คือ “พาวิลเลียนนานาชาติ” ที่เปิดให้ทุกคนเข้าถึงวัฒนธรรม เทคโนโลยี และแนวคิดของประเทศต่าง ๆ ผ่านประสบการณ์ immersive ซึ่งมีพาวิลเลียนเด่นที่น่าสนใจ ได้แก่
Myaku-Myaku ได้รับการออกแบบให้เป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับที่เกิดจาก “เซลล์” และ “น้ำบริสุทธิ์” กลายเป็นสัญลักษณ์ของ Expo ที่ทั้งน่ารักและแฝงความหมาย
ซึ่งเจ้า Myaku-Myaku จะเปลี่ยนรูปร่างได้ และถูกออกแบบให้เป็นตัวแทนของ DNA มนุษย์ ปัญญา เทคโนโลยี และวัฒนธรรมที่ส่งต่อสู่อนาคต
Grand Roof Ring เป็นวงแหวนไม้ขนาดยักษ์ เส้นรอบวงเกือบ 2 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 60,000 ตร.ม. และสูงถึง 20 เมตร ทำหน้าที่เป็นทั้ง ทางเดินหลักระหว่างพาวิลเลียน และที่บังแดด-ฝน ให้ผู้ชม โดยเป็นการเชื่อมโยงฟังก์ชันกับแนวคิด “วงจรชีวิต” แบบแนบเนียนในตัวงาน
จุดเด่นอีกอย่างคือ Skywalk ที่ให้คุณชมวิวพาโนรามาของงานและทะเลเซโตะในแบบ Sunset Glow ที่หาดูไม่ได้จากที่อื่น
พาวิลเลียนที่นำเสนอประสบการณ์น่าคิดและการค้นพบใหม่ ๆ ภายใต้ธีม “REBORN” ชวนผู้เข้าชมย้อนมองสุขภาพและคุณภาพชีวิตของตนเอง
ในโซน REBORN Experience Route จะได้เห็นภาพจำลองชีวิตตัวเองในอีก 25 ปีข้างหน้า โดยอิงจากข้อมูลสุขภาพจริง นอกจากนี้โซนกิจกรรมที่นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับความบันเทิงและวัฒนธรรมอาหารในอนาคต รวมถึงโครงการ “REBORN Challenge” ที่จะแสดงเทคโนโลยีและบริการต่างๆ จากสตาร์ทอัพในโอซาก้า
นอกจากพาวิลเลียนต่าง ๆ แล้ว กิจกรรมบันเทิงก็เป็นอีกไฮไลต์ของงาน เช่น โชว์น้ำที่ Water Plaza, การฉายภาพโปรเจกชันแมปปิงบนตึก EXPO Hall "Shining Hat", การแสดงดนตรี ไปจนถึงศิลปะการแสดงแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ความพิเศษคือกิจกรรมพวกนี้ไม่ได้มีแค่ให้ดูอย่างเดียว แต่ยังให้ผู้ชมได้ลองสัมผัสและมีส่วนร่วมด้วย
Osaka-Kansai Expo 2025 เป็นงานที่รวมเทคโนโลยีและวัฒนธรรมจากทั่วโลก โดยมีการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น รถบินได้และระบบแปลภาษาเรียลไทม์ รวมถึงพาวิลเลียนจากประเทศต่างๆ ที่แสดงนวัตกรรมและแนวคิดในหลายด้าน นอกจากนี้ยังมีการแสดงและกิจกรรมที่ให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วม เช่น ชมการฉายภาพโปรเจกชันและการแสดงดนตรีจากญี่ปุ่น งานนี้เป็นโอกาสในการสัมผัสอนาคตของเทคโนโลยีและวัฒนธรรมในเวทีเดียว
อีก 50 ปีข้างหน้า สังคมญี่ปุ่นจะหน้าตาเป็นอย่างไร ?
คำถามนี้กำลังถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเป็นรูปธรรมที่ The Future of Life พาวิลเลียนไฮไลต์ของงาน Expo 2025 โดย ศาสตราจารย์ฮิโรชิ อิชิกุโระ นักวิจัยหุ่นยนต์ชื่อดังระดับโลก ซึ่งได้เนรมิตโลกแห่งอนาคตที่มนุษย์อาศัยอยู่ร่วมกับหุ่นยนต์และแอนดรอยด์เสมือนจริงได้อย่างแนบเนียน นี่ไม่ใช่แค่โชว์ แต่คือการจำลองชีวิตจริงของยุคที่เทคโนโลยีไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็น "เพื่อนร่วมสังคม"
เตรียมสัมผัสวินาทีประวัติศาสตร์ที่ ชิ้นส่วนของดาวอังคาร จะถูกนำมาเปิดเผยต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก ภายในงาน Expo 2025 โดยหินอุกกาบาตชิ้นนี้ถูกค้นพบโดยทีมสำรวจญี่ปุ่นในทวีปแอนตาร์กติกา
มันคือเศษหินจากดาวอังคารที่ถูกดีดออกมาจากพื้นผิวดาวโดยแรงกระแทกของดาวเคราะห์น้อย ก่อนจะเดินทางข้ามจักรวาลมาตกยังพื้นโลก และถือเป็นหนึ่งในอุกกาบาตจากดาวอังคารที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบมา
สองตัวละครในตำนานจากโลกมังงะญี่ปุ่น จะกลายเป็นไกด์พิเศษ พาผู้เข้าชมสำรวจพาวิลเลียนของ Pasona Group โดยไฮไลต์ของพาวิลเลียนนี้คือการนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยด้านชีวการแพทย์ เช่น แผ่นเนื้อเยื่อหัวใจที่พัฒนาโดย iPS cells (induced pluripotent stem cells) ซึ่งทางผู้จัดแสดงเคลมว่าสามารถ "ฟื้นฟูหัวใจ" ได้จริง
ในโซนวัฒนธรรมของ Expo 2025 ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสกับศิลปะและประเพณีแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ อาทิ เรียนรู้พิธีชงชาแบบดั้งเดิม พร้อมวิธีดื่ม ชาเขียวเกียวคุโระ (Gyokuro) ระดับพรีเมียมอย่างถูกต้อง
ชมศิลปะการจัดดอกไม้แบบ อิเคโนะโบะ (Ikenobo) ที่ไม่ใช่แค่การจัดดอกไม้ให้สวย แต่ยังให้ความหมายผ่านใบไม้ที่แมลงกัดกินและกิ่งไม้แห้งที่ไร้ชีวิต และยังสามารถชมการแข่งขันซูโม่แบบสดๆ ที่ยกบรรยากาศสนามซูโม่มาไว้ในงาน
ช่วงเวลากลางคืนเตรียมพบกับ Moonbow Festival โชว์ immersive ที่จะพาคุณดำดิ่งไปในธีม อากาศและสายน้ำ ณ Water Plaza พร้อมการแสดงน้ำพุมากถึง 300 ชุด, โปรเจกชันบนม่านน้ำ, เสียงดนตรี, เปลวไฟ และเลเซอร์
คอนเสิร์ตเปิดงานโดยศิลปินญี่ปุ่นผู้ลึกลับอย่าง Ado ที่ทั้งโลกรู้จักจากเสียงแต่แทบไม่เคยเห็นหน้า เจ้าของเพลงฮิตระดับ แพลตตินัม 10 ซิงเกิล และมีผู้ฟังทั่วโลกมากกว่า 6 ล้านคนต่อเดือน งานนี้ได้ฟังสด ๆ แบบตัวเป็น ๆ เป็นครั้งแรก ถือเป็น Rare Item ระดับตำนานสำหรับสาย J-Pop
พาวิลเลียนญี่ปุ่น "Between Lives" เป็นโครงสร้างทรงกลมทำจากไม้ที่นำกลับมาใช้ใหม่ มีโรงงานผลิตก๊าซชีวภาพ สื่อถึงการหมุนเวียนและการเชื่อมต่อที่ไม่มีที่สิ้นสุด ไฮไลท์คือ "Hello Kitty" ที่แต่งตัวเป็นสาหร่าย ซึ่งกำลังได้รับความสนใจในการแก้ปัญหาทางสิ่งแวดล้อม
หนึ่งในไฮไลต์ห้ามพลาดคือ สายพานซูชิหมุนที่ยาวที่สุดในโลก จากร้านซูชื่อดังแห่งโอซาก้าอย่าง Kura Sushi ที่ออกแบบมาให้หมุนต่อเนื่องเพื่อ “เชื่อมโลกทั้งใบผ่านจานซูชิ” โดยตรง ภายในร้านที่จุได้ถึง 338 ที่นั่ง คุณจะได้ลิ้มลองเมนูครีเอทีฟที่ผสมผสานรสชาติจากประเทศต่าง ๆ เข้ากับเทคนิคการปรุงแบบญี่ปุ่น
นอกจากนี้ดีไซน์ภายนอกร้านยังใช้วัสดุ "ชิกกุอิ" (Shikkui) ซึ่งเป็นปูนแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ทำจาก เปลือกหอยทะเลที่ใช้แล้ว และ กาวจากสาหร่ายทะเล สื่อถึงแนวคิด Circular Design และความยั่งยืนผ่านงานสถาปัตยกรรม
Forest of Tranquility คือโซนที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้เข้าชมได้ “พักใจ” อย่างแท้จริง พื้นที่สีเขียวขนาด 2.3 เฮกตาร์ หรือกว่า 5.7 เอเคอร์ แห่งนี้ เต็มไปด้วยต้นไม้กว่า 1,500 ต้น ครอบคลุมหลากหลายสายพันธุ์ในญี่ปุ่น
ที่พิเศษคือ บางต้นไม้ในป่านี้มีประวัติศาสตร์ เพราะถูกย้ายมาจาก Expo ’70 Commemorative Park เพื่อส่งต่อ “ชีวิต” จากงาน Expo ในอดีตสู่อนาคต
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด