SIAM.AI ใช้โครงสร้างไอทีของ DELL ติดอาวุธคนไทยเก่งปัญญาประดิษฐ์ 30,000 คนในปีเดียว

บริษัท สยาม เอไอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้พัฒนาและให้บริการ SIAM.AI Cloud โดยผสานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ากับระบบคลาวด์ เป็นโซลูชันอัจฉริยะที่ตอบโจทย์การใช้งานของภาคธุรกิจ ล่าสุดประกาศสร้างศักยภาพอนาคต AI ให้ประเทศไทย โดยนำเทคโนโลยี AI จาก เดลล์ เทคโนโลยีส์ มาใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI พร้อมร่วมมือสถาบันการศึกษาชั้นนำ อาทิ มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก ในการพัฒนาความรู้ความสามารถด้าน AI ให้คนไทย เพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่ยุคดิจิทัล

บริษัท สยาม เอไอ คอร์ปอเรชั่น ผู้ให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับงานทางด้านเอไอ ร่วมมือกับ เดลล์ เทคโนโลยีส์ ประเทศไทย พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับศักยภาพด้าน AI ของประเทศให้ทัดเทียมนานาชาติ พร้อมทั้งส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนานวัตกรรม AI ผ่านความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา

คุณรัตนพล วงศ์นภาจันทร์ ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร บริษัท สยาม เอไอ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยถึง ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในระดับโลกอย่างรอบด้าน  ด้วยบริการแพลตฟอร์มคลาวด์ AI  โดยเลือกใช้เครื่องเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูงจากเดลล์เทคโนโลยีส์ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ทุกธุรกิจสามารถเข้าถึงทรัพยากรในการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่และพัฒนาระบบเอไอได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

รวมทั้งช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจด้วย AI ให้กับลูกค้าทุกธุรกิจ โดยไม่ต้องลงทุนสูงมาก แต่ให้ธุรกิจต่างๆ สามารถนำ AI มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วยแพลตฟอร์มนี้องค์กรธุรกิจสามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง พัฒนาระบบอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

(ซ้าย) คุณรัตนพล วงศ์นภาจันทร์ ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร บริษัท สยาม เอไอ คอร์เปอเรชั่น จำกัด

"สยาม เอไอ ทดลองเซิฟเวอร์ทุกยี่ห้อ ทำให้เห็นข้อดีข้อเสียของเน็ตเวิร์กแต่ละเจ้า และค้นพบว่าในการรันโมเดล AI หรือโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ การบริการของบริษัทที่มาซัพพอร์ตเราให้เกิด Downtime น้อยที่สุดเป็นสิ่งสำคัญมาก และเราขอบคุณมากที่ได้รับการซัพพอร์ตที่ดีจากเดลล์ และเดลล์ช่วยเราได้ตลอด ในการพัฒนาขั้นต่อไปจึงอยากร่วมมือกับเดลล์มากขึ้น" 

คุณรัตนพลกล่าวต่อว่า ทางเดลล์ เทคโนโลยีส์  ยังเสนอ Scholarship ให้คนของสยาม เอไอ ไปเรียนที่สิงคโปร์ เพื่อให้รู้ว่าต้องวางโครงสร้างพื้นฐาน AI อย่างไร จะดีไซน์เน็ตเวิร์กอย่างไร แต่เนื่องจากสยาม เอไอ เซ็น MOU กับสถาบันการศึกษาหลายแห่งเพื่อเอื้อให้เกิดการพัฒนา AI ในประเทศไทย จึงคุยกับเดลล์ว่า ถ้าส่งอาจารย์มหาวิทยาลัยไป Train The Trainer แล้วนำองค์ความรู้มาส่งต่อให้แก่อาจารย์ ผู้เรียน บุคลากรในองค์กร หรือผู้ที่อยากใช้ AI น่าจะทำให้การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการใช้ซอฟต์แวร์ AI เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งทางเดลล์ก็เห็นพ้องด้วย

คุณฐิตพล บุญประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าวขอบคุณสยาม เอไอ ที่ไว้วางใจในการใช้เทคโนโลยีของเดลล์ เทรนโมเดล AI และให้ลูกค้าได้ทดลองใช้เซิฟเวอร์ของเดลล์ที่เป็น GPU ใหญ่ที่สุด ซึ่งมีการ์ดอยู่ในนั้น 8 ใบ จากนั้นคุณฐิตพลเล่าถึงเดลล์ในมุมธุรกิจกับกำลังคนว่า 

(ขวา) คุณฐิตพล บุญประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย เดลล์ เทคโนโลยีส์"เดลล์อยู่ธุรกิจไอทีนานกว่า 40 ปี ปีนี้เป็นปีที่ 30 ของเดลล์ในประเทศไทย และปีนี้ก็เจอปัญหาหนักมากคือ หาบุคลากรที่เก่งเฉพาะด้านมาอยู่ในไปป์ไลน์ยากมาก และไม่ใช่แค่เดลล์ บริษัทอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน เราจึงมี Commitment กับสยาม เอไอ ในการพัฒนาคนและทำให้พันธกิจนี้บรรลุตามวัตถุประสงค์"

ในมุมเทคโนโลยี AI คุณฐิตพลกล่าวว่า "เดลล์โฟกัสเรื่อง AI มาประมาณปีนึง และ AI เป็น Key Strategy ของบริษัท เราพยายามพัฒนาโซลูชันที่เรียกว่า 'AI Factory' เพื่อให้ลูกค้านำไปพัฒนาและใช้งานโมเดล AI ได้ง่ายที่สุดและเร็วที่สุด และในแง่ของการเทรนนิง เนื่องจากสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีความพร้อมเรื่อง AI ในภูมิภาคนี้มากที่สุด เราพยายามถอดบทเรียนจากสิงคโปร์ ว่าจะทำงานกับมหาวิทยาลัยในสิงคโปร์อย่างไร เพื่อให้การพัฒนา AI เกิดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงเรื่องสำคัญอย่าง Governance และ Ethical ที่เดลล์เข้าไปมีส่วนร่วมในการวางนโยบายให้สิงคโปร์ดำเนินการ เราก็พยายามถอดโมเดลนี้ออกมา โดยร่วมมือกับสยาม เอไอ เพื่อทำให้เกิดในเมืองไทย"

คุณรัตนพลกล่าวเพิ่มเติมว่า "เรามุ่งมั่นที่จะสร้างศักยภาพของประเทศไทยให้ก้าวสู่หนึ่งในผู้นำด้าน AI ระดับโลก สำหรับองค์กรธุรกิจ AI จะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ สร้างรายได้เพิ่มขึ้นมากมาย การที่เรามี AI Cloud Platform โดยเลือกใช้เทคโนโลยีของเดลล์ เพราะเรามั่นใจในเดลล์ ในระบบไอทีอินฟราสตรัคเจอร์ ที่เดลล์เน้นเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนให้การทำงานระบบ AI ทำได้รวดเร็ว มีประสิทธิผลที่ดี และทำให้ระบบมีเสถียรภาพ เพื่อให้ลูกค้าของเราได้มั่นใจได้ว่า เราเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าเราเสมอ”

อย่างไรก็ตาม บุคลากรด้าน AI เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องสร้าง เนื่องจากเป็นฟันเฟืองสำคัญในการพาประเทศไทยก้าวสู่ผู้นำด้าน AI ทาง สยาม เอไอ จึงมุ่งสร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อผลิตบุคลากรด้าน AI ให้ประเทศ โดยมี เดลล์ เข้ามาเสริมด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI และวางแผนช่วยเทรนผู้สอน (Train The Trainer) โดยจะพาคนไทยไปเรียนวิชาจากสิงคโปร์ และนำความรู้จากสิงคโปร์มาปรับใช้ในไทย เพื่อพัฒนาความสามารถด้าน AI ให้แก่คนไทย ทั้งนี้ ความร่วมมือในภาพรวม สยาม เอไอ ตั้งเป้าไว้ว่า จะร่วมกับสถาบันการศึกษาผลิตคนด้าน AI ให้ได้ในแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 30,000 คน 

คุณรัตนพลกล่าวเพิ่มเติมในเรื่องการสร้างบุคลากรว่า นอกจาก สยาม เอไอ จับมือกับมหาวิทยาลัยในการพัฒนาบุคลากรแล้ว สยาม เอไอ ยังร่วมกับพันธมิตรธุรกิจด้านเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยี องค์ความรู้ รวมถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เป็นทางลัดในการสร้างความพร้อมให้แก่บุคลากร  และจะสร้าง AI community Hub ที่จัดให้มีการเรียนรู้ ฝึกอบรม เวิร์กช็อป และแลกเปลี่ยนความรู้ หรือกิจกรรมรูปแบบต่างๆ ที่เกี่ยวกับ AI อีกด้วย

“สำหรับ สยาม เอไอ เราเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยควรมี อธิปไตยทางปัญญาประดิษฐ์ เพราะข้อมูล คือ ทรัพยากรของประเทศ ควรถูกพัฒนาโดยคนไทย บริหารจัดการโดยคนไทย เพื่อประโยชน์ของประเทศไทย ดังนั้นการที่เรามุ่งมั่นพัฒนาบุคลากรด้านเอไอรุ่นใหม่ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีของประเทศ การสร้างให้คนไทยรู้จักและใช้เอไอให้เกิดประโยชน์อย่างสร้างสรรค์มากขึ้น จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง และกรณีความร่วมมือของมหาวิทยาลัย เรามองมหาวิทยาลัยเป็นเหมือน AI community Hub ที่จัดให้มีการเรียนรู้ ฝึกอบรม เวิร์กช็อป และแลกเปลี่ยนความรู้ในวงกว้างด้วย"

ด้านโครงการความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อพัฒนา AI ด้านการศึกษา แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

  • กลุ่มแรก คือ กลุ่มสถาบันการศึกษาทั่วไปที่สถาบันมีความต้องการพัฒนาหลักสูตรที่สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมเอไอ และมีความต้องการเข้าถึงโปรแกรมการเรียนรู้ทางด้านเอไอทั้งทางด้านทฤษฎีและปฏิบัติ  

  • กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มที่ทางสถาบันมีการเรียนการสอนทางด้านเอไอ มีการพัฒนา Generative AI, โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs), แอปพลิเคชัน AI และต้องการสนับสนุนเทคโนโลยีในการประมวลผล องค์ความรู้ รวมถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ

  • กลุ่มที่ 3 คือ สถาบันที่มีการมุ่งเน้นการพัฒนางานวิจัยหรือนวัตกรรมที่มีการนำเทคโนโลยีเอไอมาประยุกต์ใช้ หรือเป็นรูปแบบของพัฒนาเป็นโปรเจกต์หรือ Startup ที่มีความต้องการในการสนับสนุนการพัฒนาชิ้นงานให้ไปเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้จริง

และสำหรับ บุคคลทั่วไป มีการสร้างการรับรู้ทางด้านไอเอผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อให้เกิดความตื่นตัว เช่น คอนเทนต์ข่าว สารพันความรู้ เทคโนโลยีใหม่ หลักสูตรอบรมระยะสั้นด้านเอไอ รวมถึงกิจกรรมพบปะที่จะมีการจัดขึ้นเป็นประจำ (AI Meet Up) เพื่อเป็นเวทีของแบ่งปันองค์ความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญทางด้านเอไอ 

คุณฐิตพลกล่าวเพิ่มว่า "เดลล์ภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับสยาม เอไอ ในการนำโซลูชัน GenAI ของเรามาใช้ในการขับเคลื่อนการวิจัย ส่งเสริมนวัตกรรม และเสริมความมั่นคงให้กับบทบาทของประเทศไทยในเวที AI ระดับโลก" 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของ SIAM.AI Cloud สามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ https://siam.ai หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจ https://fb.com/siam.aicloud 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ชางงี สิงคโปร์ ขึ้นแท่นสนามบินดีสุดในโลก 2025 คว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 13 จาก Skytrax

สนามบินนานาชาติซางงี (SIN) แห่งประเทศสิงค์โปร์ ขึ้นแท่นสนามบินที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2025 จากการจัดอันดับของ Skytrax World Airport เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2025 นับเป็นครั้งที่ 13 ในป...

Responsive image

CEO Shopify ชี้ AI ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทักษะที่ทุกคนต้องมีในองค์กร

บันทึกภายในของ Tobi Lütke ซีอีโอของ Shopify กลายเป็นที่จับตาอย่างมากในวงการเทคโนโลยีและการลงทุน เนื่องจากเขาประกาศชัดว่า “การใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ” คือความสามารถพื้นฐานที่พนักง...

Responsive image

เปิด 10 อันดับ มหาเศรษฐีโลก 2025 Elon Musk ขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง

สำรวจ 10 อันดับมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกประจำปี 2025 พร้อมเปิดโฉมเศรษฐีไทยผู้มีบทบาทสำคัญบนเวทีโลกได้ในบทความนี้...