กลับมาอีกครั้งของการประกาศรายชื่อมหาเศรษฐีโลกประจำปี 2025 ของ Forbes ตอกย้ำปรากฏการณ์ความมั่งคั่งที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยพบว่ามีบุคคลที่ถือครองทรัพย์สินเกิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (34,120 ล้านบาท) รวมกันถึง 3,028 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 247 ราย มูลค่าทรัพย์สินรวมของเหล่ามหาเศรษฐีทะยานสู่ 16.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (550 ล้านล้านบาท) คิดเป็นการเติบโตเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (68 ล้านล้านบาท) จากปี 2024
สหรัฐอเมริกายังคงครองบัลลังก์ผู้นำด้วยจำนวนมหาเศรษฐีสูงสุดถึง 902 ราย ตามด้วยจีน (รวมฮ่องกง) 516 ราย และอินเดีย 205 ราย สะท้อนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในเอเชีย สำหรับประเทศไทยเองก็มีมหาเศรษฐีที่ติดอันดับโลก บ่งบอกถึงศักยภาพของเศรษฐกิจไทยในเวทีโลก
มาร่วมสำรวจ 10 อันดับมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกประจำปี 2025 พร้อมเปิดโฉมเศรษฐีไทยผู้มีบทบาทสำคัญบนเวทีโลกได้ในบทความนี้
Elon Musk มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกในปีนี้ มีทรัพย์สินรวม 342 พันล้านดอลลาร์ (ราว 11.68 ล้านล้านบาท) เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทถึงเจ็ดแห่ง รวมถึง Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า, SpaceX บริษัทผลิตจรวด และ xAI สตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ Musk ในวัย 53 ปียังคงเป็นผู้นำสำคัญในหลายอุตสาหกรรมทั้งยานยนต์ อวกาศ และเทคโนโลยีล้ำสมัย
Mark Zuckerberg มีทรัพย์สินรวม 216 พันล้านดอลลาร์ (ราว 7.37 ล้านล้านบาท) เขาเริ่มก่อตั้ง Facebook เมื่ออายุเพียง 19 ในปี 2004 โดยตั้งใจให้เป็นแพลตฟอร์มให้นักศึกษาจับคู่ชื่อเพื่อนร่วมชั้นจากภาพ ปัจจุบันในวัย 40 ปี เขายังคงเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของวงการเทคโนโลยีระดับโลก
Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon เริ่มต้นธุรกิจในปี 1994 จากโรงรถเล็ก ๆ ในเมืองซีแอตเทิล ปัจจุบันเขามีทรัพย์สินรวม 215 พันล้านดอลลาร์ (≈ 7.33 ล้านล้านบาท) แม้จะก้าวลงจากตำแหน่งผู้บริหารไปแล้ว แต่ Bezos ก็ยังเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในวงการเทคโนโลยีและการค้าออนไลน์
Larry Ellison เป็นประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Oracle บริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลก ซึ่งเขาร่วมก่อตั้งและถือหุ้นประมาณ 40% ปัจจุบัน Ellison มีอายุ 80 ปี และมีทรัพย์สินรวม 192 พันล้านดอลลาร์ (≈ 6.55 ล้านล้านบาท) เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของวงการเทคโนโลยีมานานหลายทศวรรษ
Bernard Arnault มหาเศรษฐีจากฝรั่งเศส วัย 76 ปี มีทรัพย์สินรวม 178 พันล้านดอลลาร์ (ราว 6.07 ล้านล้านบาท) เขาคือผู้นำอาณาจักร LVMH ซึ่งครอบคลุมแบรนด์หรูระดับโลกกว่า 75 แบรนด์ อาทิ Louis Vuitton, Christian Dior และ Sephora ถือเป็นตัวแทนของความมั่งคั่งในอุตสาหกรรมแฟชั่นและความงาม
Warren Buffett นักลงทุนระดับตำนานในวัย 94 ปี มีทรัพย์สินรวม 154 พันล้านดอลลาร์ (ราว 5.26 ล้านล้านบาท) เขาเป็นที่รู้จักในนาม "Oracle of Omaha" และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยสไตล์การลงทุนที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังผ่านบริษัท Berkshire Hathaway
Larry Page ผู้ร่วมก่อตั้ง Google มีทรัพย์สินรวม 144 พันล้านดอลลาร์ (ราว 4.91 ล้านล้านบาท) เขาก้าวลงจากตำแหน่ง CEO ของ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ในปี 2019 แต่ยังคงเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารและถือหุ้นควบคุม เขามีบทบาทสำคัญในการผลักดันเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกมานานกว่า 20 ปี
Sergey Brin ผู้ร่วมก่อตั้ง Google เช่นเดียวกับ Larry Page มีทรัพย์สินรวม 138 พันล้านดอลลาร์ (ราว 4.71 ล้านล้านบาท) เขาก้าวลงจากตำแหน่งประธานของ Alphabet ในเดือนธันวาคม 2019 แต่ยังคงมีบทบาทในฐานะผู้ถือหุ้นหลักและสมาชิกบอร์ดบริหารในบริษัทที่เขาร่วมสร้างขึ้น
Amancio Ortega มหาเศรษฐีชาวสเปน วัย 89 ปี เป็นผู้ก่อตั้ง Inditex บริษัทแม่ของแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังอย่าง Zara เขาคือหนึ่งในผู้ค้าปลีกเสื้อผ้าที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ด้วยทรัพย์สินรวม 124 พันล้านดอลลาร์ (ราว 4.23 ล้านล้านบาท) สร้างชื่อจากการปฏิวัติวงการแฟชั่นแบบ “fast fashion”
Steve Ballmer อดีต CEO ของ Microsoft มีทรัพย์สินรวม 118 พันล้านดอลลาร์ (≈ 4.03 ล้านล้านบาท) เขาเข้ามารับตำแหน่งผู้นำบริษัทในปี 2000 และดำรงตำแหน่งจนถึงปี 2014 ช่วยผลักดัน Microsoft ให้เติบโตอย่างมหาศาลในช่วงเวลาสำคัญของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ปัจจุบันเขายังเป็นเจ้าของทีมบาสเกตบอล Los Angeles Clippers
ประเทศไทยเองก็มีมหาเศรษฐีติดอันดับ Forbes ปีนี้เช่นกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นความแข็งแกร่งของธุรกิจไทยในเวทีโลกอย่างแท้จริง โดยเศรษฐีชาวไทยที่ติดอันดับได้แก่
ธนินท์ เจียรวนนท์ วัย 85 ปี มีทรัพย์สินรวม 15.2 พันล้านดอลลาร์ (ราว 518.62 พันล้านบาท) ดำรงตำแหน่งประธานอาวุโสของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) กลุ่มธุรกิจข้ามชาติยักษ์ใหญ่ของไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารสัตว์และปศุสัตว์รายใหญ่ที่สุดของโลก ภายใต้การบริหารของเขา เครือซีพีเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งในและต่างประเทศ
สารัชถ์ รัตนาวะดี วัย 59 ปี มีทรัพย์สินรวม 12.9 พันล้านดอลลาร์ (ราว 440.65 พันล้านบาท) เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Gulf Energy Development บริษัทด้านพลังงานรายใหญ่ของประเทศไทย โดยวัดจากกำลังการผลิตติดตั้ง (installed capacity) เขาเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจรุ่นใหม่ที่ได้รับการจับตา และมีบทบาทในตลาดพลังงานทั้งในประเทศและระดับภูมิภาค
ถือเป็นปีที่สะท้อนถึงความมั่งคั่งและความสำเร็จของมหาเศรษฐีทั่วโลกที่มีบทบาทสำคัญทั้งในธุรกิจและเศรษฐกิจระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี, พลังงาน, แฟชั่น หรือแม้แต่การลงทุน การเพิ่มขึ้นของจำนวนมหาเศรษฐีและมูลค่าทรัพย์สินสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจโลกในหลายภูมิภาค
สำหรับประเทศไทย แม้จะไม่มีจำนวนมหาเศรษฐีที่มากเท่าบางประเทศ แต่ก็มีผู้นำธุรกิจที่มีทรัพย์สินมหาศาลและสร้างชื่อเสียงในระดับโลกอย่าง ธนินท์ เจียรวนนท์ และ สารัชถ์ รัตนาวะดี ซึ่งถือเป็นตัวแทนที่โดดเด่นของความมั่งคั่งและการเติบโตในตลาดโลก
อ้างอิง: forbes
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด