Tesla ในจีนกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากที่คู่แข่งอย่าง BYD, Xiaomi, NIO และ Li Auto เปิดเกมรุกทั้งในตลาดล่างและระดับพรีเมียม จนกระทบต่อยอดขายของ Tesla Model 3 และ Model Y อย่างชัดเจน
สถานการณ์ล่าสุดจากรายงานของ Jiemian News สื่อจีน ระบุว่า พนักงานขาย Tesla ในจีนถูกกดดันให้ทำงานวันละ 13 ชั่วโมง หรือตั้งแต่ 9 โมงเช้า- 4 ทุ่ม ทุกวัน ไม่มีวันหยุด โดยมีเป้าหมายคือขายรถ Tesla ให้ได้วันละคัน หรือประมาณ 30 คันต่อเดือน แต่ในความเป็นจริงพนักงานส่วนใหญ่ขายได้เพียง 3-4 คันต่อสัปดาห์
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีนเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากเดิมที่เน้นแข่งขันในกลุ่มรถราคาประหยัด วันนี้แบรนด์จีนอย่าง BYD, Xiaomi, NIO และ Li Auto เริ่มท้าทายตลาดพรีเมียม ซึ่งเป็นพื้นที่หลักของ Tesla มาโดยตลอด
จีนถือเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นกำลังสำคัญในการเติบโตของ Tesla ระหว่างปี 2020 ถึง 2023 แต่ขณะนี้ Tesla ต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้เล่นในประเทศ โดยเฉพาะเมื่อ Xiaomi เปิดตัว SU7 ที่สามารถแซงยอดขาย Model 3 ไปแล้ว และกำลังเปิดตัวรุ่นที่แข่งกับ Model Y โดยตรง
Tesla พยายามรักษาส่วนแบ่งในตลาดจีนด้วยการปรับปรุง Model Y และเสนอสินเชื่อ 0% แบบมีเงินอุดหนุน เพื่อกระตุ้นยอดขาย แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถต้านกระแสได้
รายงานล่าสุดจากสื่อ Jiemian News ของจีน เปิดเผยผ่านบทสัมภาษณ์พนักงานขายของ Tesla ในประเทศ ว่าพนักงานต้องทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ วันละ 13 ชั่วโมง จาก 9 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม เนื่องจากแรงกดดันให้บรรลุเป้าหมายยอดขายที่โหดขึ้นอย่างมาก
หนึ่งในพนักงานกล่าวว่า ร้านสาขาในปักกิ่งมีเป้าหมายให้ขายรถได้อย่างน้อย 1 คันต่อวัน หรือประมาณ 30 คันต่อเดือน แต่ในความเป็นจริง หลายคนขายได้แค่ 3-4 คันต่อสัปดาห์เท่านั้น ทำให้ต้องติดตามลูกค้าอย่างใกล้ชิดและใช้กลยุทธ์ทุกรูปแบบในการโน้มน้าว
พนักงานขายต้องสร้างโปรไฟล์ลูกค้าใหม่ 10 ราย ส่งคำเชิญทดลองขับออนไลน์ 3 ครั้ง และจัดทดลองขับจริงให้ได้ 4 ครั้งต่อวัน เพื่อเข้าใกล้เป้าหมายการขาย
ถึงแม้ภาระงานจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ค่าตอบแทนกลับไม่เติบโตตาม ทำให้เกิดการลาออกสูงในหลายสาขา รายงานชี้ว่า บางสาขาในปักกิ่งสามารถเกิดการเปลี่ยนพนักงานขายทั้งหมดภายในเวลาเพียง 1 เดือนครึ่ง
Tesla ยังต้องเผชิญกับภาพลักษณ์แบรนด์ที่เสื่อมถอยในตลาดจีน จากเดิมที่เคยถูกมองว่าเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียมในช่วงปี 2022-2023 แต่ปัจจุบันรถ Tesla กลายเป็นภาพคุ้นตา ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นหรือแตกต่างอีกต่อไป และอีกหนึ่งปัจจัยซ้ำเติมคือสงครามการค้าที่สหรัฐฯ นำโดย Trump ยกระดับความตึงเครียดกับจีน ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของผู้บริโภคจีนที่มีต่อแบรนด์อเมริกัน
อ้างอิง: electrek
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด