สหรัฐฯ เผชิญกับการประกาศเลย์ออฟสูงสุดในรอบหลายปี โดยเฉพาะในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่มีการปลดพนักงานรวมกว่า 275,000 ตำแหน่ง โดย 216,000 ตำแหน่งเป็นการปลดพนักงานภาครัฐ
รายงานจากบริษัทจัดหางาน Challenger, Gray & Christmas ระบุว่า ตัวเลขเลย์ออฟเดือนมีนาคมนี้ สูงที่สุดเป็นอันดับสามนับตั้งแต่ปี 1989 และเป็นสถิติสูงสุดสำหรับเดือนมีนาคมโดยเฉพาะ เป็นรองแค่ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่โควิด-19 เริ่มระบาดหนัก
เบื้องหลังการลดคนจำนวนมากครั้งนี้ มาจากโครงการ Department of Government Efficiency (DOGE) ที่นำโดย Elon Musk ซึ่งเดินหน้าปรับโครงสร้างและลดขนาดหน่วยงานรัฐบาลกลางอย่างต่อเนื่อง
ภายในเวลาเพียงสองเดือน มีการเลิกจ้างรวมแล้วกว่า 280,000 คน ครอบคลุม 27 หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานหลักที่ได้รับผลกระทบ เช่น
ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024 การปลดคนในภาครัฐปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 672% Andrew Challenger, รองประธานบริษัท Challenger กล่าวว่า “การประกาศเลิกจ้างเดือนมีนาคมส่วนใหญ่เกิดจากแผนของ DOGE ที่มุ่งลดจำนวนพนักงานภาครัฐ หากไม่มีโครงการนี้ เดือนดังกล่าวก็คงเป็นช่วงที่เงียบสำหรับตลาดแรงงาน”
แม้ตัวเลขเลย์ออฟจะสูงเป็นประวัติการณ์ แต่ตลาดแรงงานโดยรวมของสหรัฐฯ ยังไม่แสดงสัญญาณตื่นตระหนกมากนัก จำนวนผู้ขอรับสิทธิประโยชน์ว่างงานรายสัปดาห์ยังคงอยู่ในระดับคงที่ตั้งแต่ช่วงที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ขณะที่การจ้างงานโดยรวมยังเติบโต แม้จะชะลอลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2024
และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ วอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเป็นศูนย์กลางของหน่วยงานภาครัฐ โดยมีจำนวนประกาศเลย์ออฟสะสมตั้งแต่ต้นปีถึง 278,711 ตำแหน่ง มากกว่าพื้นที่ใด ๆ ในประเทศ
โครงการ DOGE ของ Elon Musk กำลังเปลี่ยนแปลงระบบราชการของสหรัฐฯ อย่างรุนแรง แม้ว่าจะมีเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน แต่การตัดสินใจลดจำนวนพนักงานและปรับโครงสร้างการทำงานภาครัฐอาจทำให้เกิดคำถามในระยะยาวว่า "การปลดคนครั้งนี้ คุ้มค่าหรือไม่?"
อ้างอิง: cnbc
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด