สรุปอนาคตงานปี 2025-2030 จาก World Economic Forum งานไหนมาแรง ทักษะใดสำคัญ

World Economic Forum ออกรายงานประจำปีในหัวข้อ Future of Jobs Report 2025 เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดแรงงานในอนาคตโดยอ้างอิงข้อมูลจากนายจ้างกว่า 1,000 รายทั่วโลก ซึ่งเป็นตัวแทนของพนักงานกว่า 14 ล้านคนใน 22 กลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อเผยให้เห็นถึงเทรนด์ของตลาดแรงงาน การเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ ประชาชน และเทคโนโลยีในช่วงปี 2025 - 2030 

อนาคตการจ้างงานจะเป็นอย่างไร ?

รายงานคาดการณ์ว่า แนวโน้มหลักที่จะส่งผลกระทบต่อแรงงานมากที่สุดคือ การขยายตัวของการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล โดยนายจ้างกว่า 60% เชื่อว่าธุรกิจของตัวเองจะเปลี่ยนแปลงไปในปี 2030 ด้วยการมาของเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะ AI, การประมวลผลข้อมูล, หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ รวมถึงเทคโนโลยีพลังงานที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงโลกการทำงาน 

ผลที่ตามมาก็คือ บางอาชีพจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด บางอาชีพก็จะหายไป ส่วนทักษะด้านเทคโนโลยีอย่าง AI, Big Data, ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และความรู้ด้านเทคโนโลยีจะกลายเป็นทักษะสำคัญที่ตลาดต้องการ

อีกหนึ่งปัจจัยคือ ต้นทุนการครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น โดยนายจ้างครึ่งหนึ่งมองว่าสิ่งนี้จะกระทบธุรกิจภายในปี 2030 แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะลดลงก็ตาม โดยเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อการจ้างงานไปจนถึงปี 2030 รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจโตช้าจะทำให้งานหายไป 1.6 ล้านตำแหน่งทั่วโลก

อีกหนึ่งสิ่งที่นายจ้างกังวลคือ การเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์ ได้แก่ ประชากรวัยทำงานที่สูงอายุ และจำนวนประชากรที่ลดลงในกลุ่มประเทศที่มีรายได้สูง รวมถึงจำนวนประชากรวัยทำงานที่ขยายตัวในกลุ่มประเทศรายได้ต่ำ แนวโน้มเหล่านี้ผลักดันให้เกิดความต้องการแรงงานที่มีทักษะในด้านการบริหารจัดการบุคคลากร การให้คำปรึกษา และงานสอน เช่น งานดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ พยาบาลวิชาชีพ และอาจารย์ระดับอุดมศึกษา

งานอะไรจะมาแรง ?

รายงานระบุว่า จากแนวโน้มต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะส่งผลต่อการสร้างงาน และการหายไปของงา โดยคาดว่าในช่วงปี 2025-2030 จะมีงานเกิดใหม่ และงานหายไปรวมกัน 22% ของตลาดแรงงานทั้งหมดในปัจจุบัน โดยจะมีงานใหม่เกิดขึ้น 14% หรือคิดเป็น 170 ล้านตำแหน่ง แต่ก็จะมีงานหายไป 8% หรือ 92 ล้านตำแหน่ง

โดยงานด้านเทคโนโลยีจะโตเร็วสุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น นักวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่, วิศวกรฟินเทค, ผู้เชี่ยวชาญ AI และ Machine Learning, นักพัฒนาซอฟต์แวร์ และแอปพลิเคชัน ไปจนถึงงานสายสิ่งแวดล้อม และพลังงาน เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ไร้คนขับ, วิศวกรสิ่งแวดล้อม และวิศวกรพลังงานหมุนเวียน ในทางกลับกัน งานที่จะลดลงมากที่สุดคือ งานกลุ่มธุรการ หรืองานเลขา เช่น พนักงานเก็บเงิน พนักงานธนาคาร หรือพนักงานป้อนข้อมูลเป็นต้น

สรุปงานที่จะเติบโตมากขึ้น 15 อันดับแรก

  1. เกษตรกร คนงาน และแรงงานเกษตรอื่น ๆ
  2. พนักงานขับรถบรรทุกขนาดเล็กหรือรถส่งของ
  3. นักพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชัน
  4. ช่างไม้โครงสร้าง ช่างตกแต่ง และงานที่เกี่ยวข้อง
  5. พนักงานขายหน้าร้าน
  6. พนักงานแปรรูปอาหารและงานที่เกี่ยวข้อง
  7. พนักงานขับรถยนต์ รถตู้ และรถจักรยานยนต์
  8. พยาบาลวิชาชีพ
  9. พนักงานเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม
  10. ผู้จัดการทั่วไปและผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ
  11. นักสังคมสงเคราะห์และผู้ให้คำปรึกษา
  12. ผู้จัดการโครงการ
  13. อาจารย์มหาวิทยาลัยและอาจารย์ระดับอุดมศึกษา
  14. อาจารย์มัธยมศึกษา
  15. ผู้ดูแลส่วนบุคคล

สรุปงานที่มีแนวโน้มลดน้อยลง 15 อันดับแรก

  1. พนักงานเก็บเงินและพนักงานขายตั๋ว
  2. ผู้ช่วยธุรการและเลขานุการบริหาร
  3. ภารโรง คนทำความสะอาด และแม่บ้าน
  4. เสมียนบันทึกและเก็บรักษาวัสดุ
  5. พนักงานพิมพ์และงานที่เกี่ยวข้อง
  6. เสมียนบัญชี พนักงานทำบัญชี และเสมียนเงินเดือน
  7. นักบัญชีและผู้สอบบัญชี
  8. พนักงานดูแลการขนส่งและพนักงานควบคุม
  9. เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
  10. พนักงานธนาคารและเสมียนที่เกี่ยวข้อง
  11. เสมียนบันทึกข้อมูล
  12. พนักงานบริการลูกค้าและให้ข้อมูล
  13. นักออกแบบกราฟิก
  14. ผู้จัดการบริการธุรกิจและผู้จัดการธุรการ
  15. ผู้ตรวจสอบสินไหม ผู้ตรวจสอบ และผู้สอบสวน

ทักษะอะไรต้องมีสำหรับงานอนาคต ?

รายงานระบุว่า การคิดเชิงวิเคราะห์ ยังคงเป็นทักษะหลักที่เป็นที่ต้องการมากสุดในหมู่นายจ้าง โดยบริษัท 7 ใน 10 แห่งมองว่าเป็นสิ่งจำเป็นในปี 2025 ตามมาคือทักษะด้านความยืดหยุ่น การปรับตัว และความเป็นผู้นำ

ส่วนทักษะที่มาแรง และเป็นที่ต้องการมากที่สุด คือ AI และ Big Data ตามมาด้วยทักษะความรู้ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ และความรู้ด้านเทคโนโลยี นอกจากนี้ ทักษะที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์ ความอยากรู้อยากเห็น การปรับตัวเก่ง การเรียนรู้เร็ว และไฝ่รู้ตลอดชีวิต จะมีความสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปี 2025-2030 ในทางกลับกันทักษะงานฝีมือที่ต้องใช้ความละเอียด ความอดทน และความแม่นยำ ก็จะมีความต้องการที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

รายงานเผยเพิ่มว่าภายในปี 2030 นายจ้างกว่าครึ่งจะเพิ่มเงินเดือนให้กับพนักงานโดยเน้นการจ่ายตามผลงาน และประสิทธิภาพของพนักงาน อย่างไรก็ตาม นายจ้างบางส่วนวางแผนปรับธุรกิจเพื่อใช้ AI มากขึ้น โดยสองในสามจะจ้างคนที่มีทักษะ AI โดยเฉพาะ และอีก 40% มีแผนลดพนักงานลงหาก AI สามารถทำงานแทนได้

อ้างอิง : https://www.weforum.org/publications/the-future-of-jobs-report-2025/digest/

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

รวมสถานีชาร์จ EV ของ PEA บนเส้นทางหลักทั่วประเทศ

เทศกาลสงกรานต์มาถึงแล้ว หลายคนคงเตรียมออกเดินทางทั้งกลับบ้าน แต่สำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) อาจกังวลเรื่องจุดชาร์จระหว่างทาง Techsauce จึงรวบรวมจุดให้บริการสถานีชาร์จ EV ทั่วประเท...

Responsive image

วิจัยพบ AI ไม่ได้คิดอย่างที่พูด แม้จะโชว์วิธีคิดยาวเหยียด แต่ซ่อนความคิดที่แท้จริงไว้ไม่บอกใคร

ตอนนี้มี AI ประเภทใหม่ที่เรียกว่าโมเดลจำลองการให้เหตุผล (SR Model) ซึ่งถูกสร้างมาให้โชว์วิธีคิดทีละขั้นตอน เวลาเราถามคำถามยากๆ AI จะอธิบายออกมาเป็นขั้นเป็นตอนว่าคิดด้วยวิธีไหน ถึงไ...

Responsive image

เปิดตัว Llama 4 โมเดล AI ที่ฉลาดที่สุดของ Meta ทำอะไรได้บ้าง แต่ละโมเดลต่างกันอย่างไร ?

Meta ได้เปิด Llama 4 ซึ่งเป็น AI เวอร์ชันอัปเดตล่าสุดอย่างเป็นทางการ โดยครั้งนี้มีโมเดลใหม่ทั้งหมด 3 ตัว ได้แก่ Llama 4 Scout, Llama 4 Maverick และ Llama 4 Behemoth โดยทาง Meta เป...