รู้จัก YuMi หุ่นยนต์ปลูกป่าช่วยโลก กับการทำงานพลิกฟื้นผืนป่าแอมะซอน

เพื่อที่จะต่อสู้กับผลกระทบอันเลวร้ายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแล้ว เราต้องการความร่วมมือจากทุกคน รวมไปถึงหุ่นยนต์ด้วย

Image Source: ABB

ป่าแอมะซอน หรือเรียกอีกอย่างว่าปอดของโลก กำลังประสบปัญหาจากการทำลายล้างอย่างหนัก มีรายงานว่าพื้นที่ 1 ใน  3 ของป่านั้นถูกทำลายและเสื่อมโทรมลงไปแล้ว 

Yumi หุ่นยนต์ช่วยปลูกป่า 

YuMi คือหุ่นยนต์ที่ถูกออกแบบขึ้นเพื่อทำหน้าที่ร่วมกับมนุษย์ในภาคอุตสาหกรรม เรียกง่าย ๆ ว่า โคบอท (Collaborative Robot) สร้างโดยบริษัท ABB Robotics ในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งปัจจุบันใช้งานในป่าแอมะซอนร่วมกับองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร Junglekeepers

เป็นหุ่นยนต์ที่เปิดตัวไปในปี 2015 ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ มีแขนคู่ ที่ยืดหยุ่น มีการควบคุมการเคลื่อนไหวที่แม่นยำ สร้างขึ้นจากโลหะผสมแมกนีเซียมน้ำหนักเบา และยังออกแบบมาให้สามารถทำงานร่วมกันกับคนได้

พื้นที่ป่าแอมะซอนที่สำคัญกว่า 870,000 ตร.กม. เริ่มถูกรุกรานตั้งแต่ปี 1985 ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ในทำการเกษตร Junglekeepers จึงได้ปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องพื้นที่ 55,000 เอเคอร์ ในป่าแอมะซอนทางฝั่งของประเทศเปรู 

YuMi จะช่วย Junglekeepers ทำการปลูกเมล็ดพันธุ์อัตโนมัติในห้องแลปขององค์กร ซึ่งเป็นงานที่น่าเบื่อของมนุษย์ แต่หุ่นยนต์สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าคน ทำให้สามารถเพาะเมล็ดพืชได้ประมาณสองสนามฟุตบอลต่อวัน ซึ่งช่วยให้พนักงานในองค์กรนั้นมีเวลาในการทำงานอื่น ๆ ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ไปให้ความรู้แก่ประชากรในท้องถิ่น หรือลาดตระเวนหาคนตัดไม้ผิดกฎหมาย 

ในห้องแลปที่ตั้งอยู่กลางป่าแอมะซอน มีการติดตั้ง YuMi เพื่อปลูกเมล็ดพันธุ์ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยใช้คนในการปลูกทั้งหมด YuMi จะทำการขุดหลุมในดิน หยอดเมล็ดลงไป กลบดินให้แน่น แล้วทำเครื่องหมายด้วยแท็กรหัสสี ใช้เวลาในการปลูกไม่ถึง 5 นาที ต่อเมล็ดพันธุ์ 1 ลัง 

Moshin Kazmi หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Junglekeepers กล่าวว่า ตอนนี้ป่าแอมะซอนสูญเสียพื้นที่ป่าฝนไปแล้วกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ หากปราศจากการใช้เทคโนโลยีในวันนี้ ป่าที่รักษาไว้ก็จะหายไป 

การมี YuMi อยู่เป็นวิธีที่ดีที่ช่วยให้ได้เห็นวิธีการใหม่ ๆ ในการทำสิ่งต่าง ๆ และช่วยขยายการดำเนินงานขององค์กรและทำภารกิจนี้ให้ก้าวหน้าได้

แม้ว่าแนวคิดที่ใช้หุ่นยนต์ปลูกป่าจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่หัวใจหลักคือการเพิ่มต้นไม้ในป่าที่สูญเสียไปจากการตัดไม้และไฟป่า ให้มีการฟื้นฟูหรืออย่างน้อยก็หยุดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้ ซึ่งภารกิจนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักวิจารณ์กล่าวว่า ความพยายามในการปลูกป่าชดเชย ไม่สามารถหยุดยั้ง Climate Change หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้ เพราะทั่วโลกยังมีการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล 

การมุ่งเน้นไปที่แคมเปญที่สร้างความรู้สึกดีเหล่านี้ ซึ่งหลายแคมเปญริเริ่มให้มีการชดเชยคาร์บอนเครดิต (Carbon offset credit) เป็นเรื่องง่าย และเป็นแคมเปญที่ไม่เกิดประโยชน์มากนักสำหรับองค์กรใหญ่

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการปลูกต้นใหม่ฟื้นฟูพื้นที่ที่เสียหายในป่าแอมะซอนของหุ่นยนต์จะไม่สามารถแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้ แต่ก็เป็นเรื่องดีที่ได้เห็นนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามีบทบาทในการช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมมากขึ้น 


อ้างอิง: futurism, newatlas, abb

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

วิจัยพบ AI ไม่ได้คิดอย่างที่พูด แม้จะโชว์วิธีคิดยาวเหยียด แต่ซ่อนความคิดที่แท้จริงไว้ไม่บอกใคร

ตอนนี้มี AI ประเภทใหม่ที่เรียกว่าโมเดลจำลองการให้เหตุผล (SR Model) ซึ่งถูกสร้างมาให้โชว์วิธีคิดทีละขั้นตอน เวลาเราถามคำถามยากๆ AI จะอธิบายออกมาเป็นขั้นเป็นตอนว่าคิดด้วยวิธีไหน ถึงไ...

Responsive image

เปิดตัว Llama 4 โมเดล AI ที่ฉลาดที่สุดของ Meta ทำอะไรได้บ้าง แต่ละโมเดลต่างกันอย่างไร ?

Meta ได้เปิด Llama 4 ซึ่งเป็น AI เวอร์ชันอัปเดตล่าสุดอย่างเป็นทางการ โดยครั้งนี้มีโมเดลใหม่ทั้งหมด 3 ตัว ได้แก่ Llama 4 Scout, Llama 4 Maverick และ Llama 4 Behemoth โดยทาง Meta เป...

Responsive image

KBTG ร่วมมือ MIT Media Lab สนับสนุน AHA พัฒนา AI มุ่งสร้างสังคมที่ยั่งยืน

KBTG ประกาศความร่วมมือกับโครงการ Advancing Humans with AI (AHA) โดย MIT Media Lab ในฐานะผู้ร่วมสนับสนุนการจัดตั้งโครงการ ตอกย้ำความตั้งใจในการผลักดันความก้าวหน้าด้าน AI และ Human-C...