ธปท. รวมมาตรการรัฐช่วยเหลือการเงินประชาชน-SMEs สู้ COVID-19

ในขณะที่ COVID-19 แพร่ระบาดทั่วโลกจนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยตรง ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกบทความรวบรวมนโยบายด้านเศรษฐกิจและการเงินของภาครัฐ ที่มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือประชาชนและธุรกิจขนาดเล็ก เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบทางการเงินจากสถานการณ์ โดยแบ่งเป็นมาตรการ 4 ด้าน ดังนี้

มาตรการการเงินช่วยเสริมสภาพคล่องและแบ่งเบาภาระ 

  • มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อมจาก COVID-19 ผ่านธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (Soft Loan) คิดอัตราดอกเบี้ย 2% ระยะเวลา 2 ปี รายละไม่เกิน 20 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อรวม 150,000 ล้านบาท
  • มาตรการพักต้น ลดดอกเบี้ย และขยายเวลาชำระหนี้ให้ลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 รวมถึงให้สินเชื่อใหม่ช่วยเสริมสภาพคล่อง 
  • มาตรการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงานต่อของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) คิดอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 3% ระยะเวลา 3 ปี สำหรับผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนประกันสังคม วงเงินสินเชื่อรวม 30,000 ล้านบาท
  • มาตรการค้ำประกันสินเชื่อผ่านบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ภายใต้โครงการ “บสย. SMEs สร้างไทย ต่อเติม เสริมทุน” สำหรับลูกค้า SMEs รายปัจจุบันและรายใหม่ที่ได้รับผลกระทบ โดยให้วงเงินค้ำประกันเต็มจำนวนเงินกู้ใหม่ไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลา 10 ปี ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2 ปีแรก วงเงินค้ำประกันสินเชื่อรวม 60,000 ล้านบาท และให้ขยายระยะเวลาโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme (PGS) ระยะ 5-7 ที่มีอยู่เดิมไปอีก 5 ปี และฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน

นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงินที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจเป็นระยะเวลา 2 ปี เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ทุกประเภท ได้แก่ 

  1. ลูกหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล สามารถขอผ่อนบัตรเครดิตขั้นต่ำน้อยกว่า 10% ของยอดที่ค้าง หรือขอเปลี่ยนหนี้เป็นสินเชื่อระยะยาวที่ดอกเบี้ยถูกลง
  2. ลูกหนี้สินเชื่ออื่นๆ สามารถเจรจาประนอมหนี้ เช่น ขอขยายเวลาชำระหนี้ ขอต่ออายุวงเงิน ขอเปลี่ยนหนี้เป็นสินเชื่อระยะยาว ขอชำระหนี้แบบปลอดเงินต้น ขอลดดอกเบี้ย/เบี้ยปรับ/ค่าธรรมเนียม โดยแบงก์ชาติลดความเข้มงวดของเกณฑ์กำกับดูแลการจัดชั้นลูกหนี้ของสถาบันการเงินลง เพื่อลดผลกระทบความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกหนี้ที่จะเกิดขึ้นกับสถาบันการเงินในช่วง 2 ปีนี้

มาตรการภาษีช่วยบรรเทาผลกระทบให้ผู้ประกอบการ

  • มาตรการคืนสภาพคล่อง ลดอัตราภาษี ณ ที่จ่ายจาก 3% เหลือ 1.5% ของเงินได้พึงประเมินช่วง เม.ย. - ก.ย. 2563
  • มาตรการลดภาระดอกเบี้ยให้ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการ Soft Loan หักลดหย่อนภาษีจากรายจ่ายดอกเบี้ยช่วง เม.ย. - ธ.ค. 2563 ได้ 1.5 เท่า
  • มาตรการส่งเสริมเสถียรภาพการจ้างงาน SMEs หักลดหย่อนภาษีจากรายจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตนได้ถึง 3 เท่า

มาตรการอื่นๆ ช่วยลดภาระผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไป

  • มาตรการขยายเวลายื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2562 ออกไป 3 เดือนเป็นภายใน มิ.ย. 63 
  • มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำค่าไฟฟ้า ขยายเวลาชำระ และคืนค่าประกันการใช้น้ำใช้ไฟฟ้า ลดค่าน้ำและค่าไฟ 3% เป็นเวลา 3 เดือน (เม.ย. - มิ.ย. 63) ขยายเวลาชำระค่าน้ำและค่าไฟสำหรับธุรกิจโรงแรมและกิจการให้เช่าพักอาศัย โดยให้ผ่อนผันได้ไม่เกิน 6 เดือนของแต่ละรอบบิล ไม่คิดดอกเบี้ย สำหรับใบแจ้งค่าน้ำค่าไฟรอบเดือน เม.ย. - พ.ค. 63 
  • มาตรการลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมจาก 5% เหลือ 4% เป็นเวลา 6 เดือนในช่วง มี.ค. - ส.ค. 63

นโยบายการเงินผ่อนคลายเป็นพิเศษและนโยบายการคลังเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ

ธนาคารแห่งประเทศไทยดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายติดต่อกันตั้งแต่ COVID-19 ยังไม่แพร่ระบาดรุนแรงมากจนอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เหลือ 1 % เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2563 และล่าสุด ปรับลดเหลือ 0.75 % ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. 2563 ซึ่งต่ำกว่าระดับในช่วงวิกฤตการเงินโลกปี 2552 ที่ 1.25% เพื่อช่วยให้ภาวะการเงินในประเทศผ่อนคลายขึ้นอีก เสริมแรงมาตรการการเงินที่เกี่ยวกับสภาพคล่อง และช่วยลดต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลหากต้องกู้เงินเพื่อเร่งใช้จ่าย

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายการคลังเร่งจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า แม้การออกใช้ พ.ร.บ. งบประมาณปี 2563 จะสะดุดเมื่อต้นปี แต่ก็สามารถเร่งกระบวนการพิจารณาใหม่ได้เร็ว ทำให้ประกาศใช้ พ.ร.บ. งบประมาณช้ากว่าเดิมเพียงเดือนเดียว จากนั้นรัฐบาลได้ออกมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการเบิกจ่ายในช่วง 7 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณ โดยลดขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างให้สั้นลงและเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนโครงการใหม่ให้เร็วขึ้น

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ทำความรู้จักโครงการ Low Carbon City หนุนผู้ประกอบการเปลี่ยนผ่านสู่ 'อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ'

สรุปจากงานสัมมนา CEO Forum : Industrial Decarbonization under Thailand's Low Carbon City Program ที่มีทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และ World Bank มาเผยแนวทางสนับสนุนให้ลดการปล่อยคาร์บอนในภา...

Responsive image

อว. ก้าวล้ำ! เปิดตัว AI ตรวจสอบหลักสูตรมหาวิทยาลัย ยกระดับมาตรฐาน รวดเร็ว แม่นยำ

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กำลังก้าวสู่มิติใหม่ของการประกันคุณภาพการศึกษา ประกาศนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยในกระบวนการตรวจสอบมาตรฐานหลักสูต...

Responsive image

ศูนย์วิจัยกสิกรชี้ ส่งออกไทยอาจเสียหาย 4 แสนล้านบาท จากภาษีตอบโต้ 37%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกบทวิเคราะห์ประเมินถึงสถานการณ์ที่สหรัฐญ ขึ้นภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับไทยในอัตรา 37% ซึ่งถือว่าสูงกว่าที่เคยประเมินไว้ที่ 25% ถือเป็นความเสี่ยงต่อเศร...