e-Residency เปิดตัว กรุงเทพฯ เป็นจุดให้บริการ pick-up point แห่งใหม่

e-Residency ประกาศเปิดตัว กรุงเทพฯ เป็นจุดให้บริการรับเอกสารยืนยันตัวตน (pick-up point) แห่งใหม่ โดยประเทศไทยถูกเลือกเป็น 1 ใน 4 จากประเทศทั่วโลก เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการภายในประเทศ ในการขยายธุรกิจในระดับนานาชาติ รวมไปถึงการเข้าถึงตลาดในแถบทวีปยุโรป โดยรัฐบาลประเทศเอสโตเนีย เป็นผู้ริเริ่มและก่อตั้ง e-Residency ซึ่งถือเป็นระบบพลเมืองดิจิทัลรายแรกของโลก

e-Residency

 ดร.วีระชัย เตชะวิจิตร์ กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ของเอสโตเนีย ประจำกรุงเทพมหานครฯ มีความเห็นว่าการเปิดตัวในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสที่ดี ในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการภายในประเทศ โดยกล่าวว่า “การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 บังคับให้หลากหลายธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจ ให้ทันต่อบริการที่หลากหลายทางดิจิทัลมากยิ่งขึ้น ความไม่มั่นคงในเส้นทางอาชีพยังส่งผลให้หลายคน หันมาเริ่มธุรกิจของตัวเองมากยิ่งขึ้น ดังนั้น การเลือกใช้บริการจาก e-Residency จึงเป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยม สำหรับทั้งผู้ประกอบอาชีพอิสระ และ ผู้ประกอบการที่กำลังมองหาแนวทางขยายธุรกิจ ในช่วงที่ประเทศถูกล็อกดาวน์”

หลังจากลงทะเบียนเป็น e-Resident เรียบร้อยแล้ว ผู้ใช้งานจะได้รับบัตรยืนยันตัวตนดิจิทัล ที่อนุญาติให้จัดตั้งบริษัทในสหภาพยุโรปได้อย่างอิสระ สามารถบริหารธุรกิจจากที่ใดก็ได้ โดยสมาชิกที่ได้รับการยืนยันตัวตนอย่างถูกต้องแล้วจะสามารถเข้าถึงช่องทางบริการ e-service ต่างๆของเอสโตเนียได้ อาทิ การบริการที่สามารถใช้ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ และการเปิดตัวและดำเนินธุรกิจในรูปแบบออนไลน์ 100% ในสหภาพยุโรป

e-Residency

 ประธานาธิบดีเคร์สตี คัลยูไลด์ แห่งเอสโตเนีย กล่าว “แม้ว่าทั่วโลก กำลังเผชิญอยู่กับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งส่งผลกระทบในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ข้อจำกัดด้านการเดินทาง การทำงานและดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศซึ่งเป็นปัจจัยเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัลของทั้งภาครัฐบาล ธุรกิจ และผู้ประกอบอาชีพอิสระต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันผู้คนจำนวนมากเลือกที่จะทำงานโดยไม่ยึดติดกับสถานทีใดสถานที่หนึ่ง ทำให้เกิดความต้องการเครื่องมือที่สามารถรองรับการทำงานของพวกเขาได้ และในฐานะที่เอสโตเนียถือเป็นประเทศแรกของโลก ที่เปลี่ยนแปลงเป็นสังคมรูปแบบดิจิทัล เราจึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะต้อนรับ ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ และผู้ประกอบอาชีพอิสระต่างๆ จากทั่วโลก ในการเข้าร่วมเป็นสมาชิก e-Residencyกับเรา”

นอกเหนือจุดให้บริการรับเอกสารยืนยันตัวตน “Pick-up point” ใหม่ในประเทศไทย บราซิล สิงคโปร์ และแอฟริกาใต้แล้ว ผู้ใช้บริการสามารถรับบัตร e-Residency ได้ ณอีก 50 จุดบริการใกล้เคียงที่มีอยู่ทั่วโลก นอกจากนี้ ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางของเครือข่ายที่แข็งแกร่งของ Digital Nomads กว่า 80,000 รายนั้น การประกาศเปิดตัวจุดให้บริการใหม่ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงการสานต่อคำมั่นสัญญาของเอสโตเนีย ในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ และผู้ประกอบอาชีพอิสระต่างๆทั่วโลก

Mattia Montantri ผู้ร่วมก่อตั้งครีเอทีฟเอเจนซี่ Resonance ที่เขาควบคุมการดำเนินธุรกิจผ่านการทำงานระยะไกล จากบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เชื่อว่า e-Residency เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาธุรกิจต่อไปในอนาคต โดยได้กล่าวว่า “การทำงานระยะไกลไม่ได้เป็นแค่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นเส้นทางใหม่ในการประกอบธุรกิจ โดยประเทศเอสโตเนียเป็นผู้ริเริ่มแนวคิดนี้ ผ่านระบบพลเมืองดิจิทัล และคาดว่าอีกไม่นาน หลากหลายประเทศจะดำเนินการในแนวทางนี้เช่นกัน สำหรับตัวผม ประโยชน์หลักสำหรับการเป็น e-Resident ของเอสโตเนีย คือการลดอุปสรรคในการก่อตั้งบริษัทในสหภาพยุโรป ไม่ว่าจะเป็น การดำเนินงานโดยไม่ต้องผ่านระบบราชการต่างๆ รวมไปถึงการดำเนินธุรกิจจากที่ใดก็ได้ สำหรับการเพิ่มจุดบริการ “Pick-up point” ใหม่ ในประเทศต่างๆนั้น  นับเป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นสำหรับผู้ประกอบการระยะไกล และเหล่า Digital Nomads เนื่องจากการทำงานในอนาคตไม่จำเป็นจะต้องรวมมาจากที่เดียวอีกต่อไป”

“พวกเรารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากกับการประกาศเปิดตัว จุดบริการ “Pick-up point”  ใหม่ของเรา ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แอฟริกา และอเมริกาใต้ โดยการขยายเครือข่ายต่างๆ ทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ รวมไปถึงการเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของเราตลอดมา และการเปิดตัวในครั้งนี้ ถือเป็นผลงานที่เราได้เตรียมการมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ช่วยเหล่าผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ และผู้ประกอบอาชีพอิสระจากทั่วโลก ขยายธุรกิจโดยการเข้าร่วมกับ e-Residency ที่มีขั้นตอนที่ง่ายดายยิ่งขึ้น” Lauri Haav กรรมการผู้จัดการของ e-Residency กล่าว

e-Residency

E-Residency นับเป็นสตาร์ทอัพจากรัฐบาลของประเทศเอสโตเนีย โดยก่อตั้งในปี 2014 บริการดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และนับเป็นการนำร่องแนวคิดของรัฐบาลมีต่อผู้ประกอบการชาวต่างชาติ จากการคาดการณ์จำนวนของ Digital Nomads จากทั่วโลก ที่อาจรวมตัวในภูมิภาคนี้มากถึง 5-10 ล้านคนนั้น ส่งผลให้ความต้องการบริการที่รองรับในด้านนี้มีมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งการเปิดตัว 4 จุดบริการใหม่นี้ สะท้อนให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของคนทำงานที่เป็นอิสระในด้านของสถานที่ทำงาน ในระดับนานาชาติ และยังแสดงให้เห็นถึงคำมั่นสัญญาของ e-Residency ที่มีต่อการเพิ่มความสามารถในการเข้าถึง ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการที่อาศัยอยู่นอกทวีปยุโรป

รัฐบาลของเอสโตเนียร่วมมือกับ BLS International ในการออกบัตร E-Residency ในกรุงเทพ สิงคโปร์ โตเกียว โจฮันเนสเบิร์ก และบราซิล โดย BLS เป็นพาร์ทเนอร์ที่เชี่ยวชาญด้านบริการทางเทคโนโลยีระดับโลก ที่ทำงานร่วมกับรัฐบาลและหน่วยงานเอกชนต่างๆทั่วโลก ด้วยชื่อเสียงที่ยอดเยี่ยมในการทำงานร่วมกับรัฐบาลจาก 46 ประเทศในการดูแลระบบต่างที่ครอบคลุมตั้งแต่  วีซ่า พาสปอร์ต กงสุล พลเมือง การปกครองในรูปแบบออนไลน์ ใบรับรองต่างๆ ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล วีซ่าออนไลน์ และบริการค้าปลีก โดย BLS ถือเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่จากประเทศอินเดีย ซึ่งได้ขยายการให้บริการไปแล้วกว่า 66 ประเทศ นอกจากนั้น บริษัทยังมีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดการโครงการที่คล้ายคลึงกันให้กับรัฐบาลประเทศอื่นๆทั่วโลก







ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ทำความรู้จักโครงการ Low Carbon City หนุนผู้ประกอบการเปลี่ยนผ่านสู่ 'อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ'

สรุปจากงานสัมมนา CEO Forum : Industrial Decarbonization under Thailand's Low Carbon City Program ที่มีทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และ World Bank มาเผยแนวทางสนับสนุนให้ลดการปล่อยคาร์บอนในภา...

Responsive image

อว. ก้าวล้ำ! เปิดตัว AI ตรวจสอบหลักสูตรมหาวิทยาลัย ยกระดับมาตรฐาน รวดเร็ว แม่นยำ

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กำลังก้าวสู่มิติใหม่ของการประกันคุณภาพการศึกษา ประกาศนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยในกระบวนการตรวจสอบมาตรฐานหลักสูต...

Responsive image

ศูนย์วิจัยกสิกรชี้ ส่งออกไทยอาจเสียหาย 4 แสนล้านบาท จากภาษีตอบโต้ 37%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกบทวิเคราะห์ประเมินถึงสถานการณ์ที่สหรัฐญ ขึ้นภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับไทยในอัตรา 37% ซึ่งถือว่าสูงกว่าที่เคยประเมินไว้ที่ 25% ถือเป็นความเสี่ยงต่อเศร...