บทสัมภาษณ์พิเศษ ดร.สุทธาภา ผู้กุมบังเหียน SCB Abacus กับการเพิ่มศักยภาพธุรกิจด้วย AI

เทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) เริ่มเป็นกระแสมากขึ้นในไทยตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทั้งภาคธุรกิจและภาครัฐเริ่มมีการพูดถึงเทคโนโลยีขั้นสูงนี้ว่าจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร โดยหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนคือ ธนาคารไทยพาณิชย์ที่ได้จัดตั้งบริษัทลูกอย่าง SCB Abacus ขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจด้านการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยี AI ซึ่งนับเป็นแห่งแรกในกลุ่มธุรกิจทางการเงินและการธนาคารของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้หญิงเก่งอย่าง ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ มากุมบังเหียนให้กับบริษัทใหม่นี้ วันนี้ Techsauce ได้มาสัมภาษณ์ดร.สุทธาภา ถึงเป้าหมายของบริษัท รวมไปถึงความคืบหน้าของโปรเจกต์ต่างๆ ที่ SCB Abacus กำลังดำเนินการอยู่ว่ามีอะไรบ้าง และจะเริ่มเห็นผลงานกันเมื่อไหร่

ทำความรู้จัก ดร.สุทธาภา ก่อนเข้าสู่เส้นทางสาย Data Science

หลายท่านอาจคุ้นชื่อของ ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ในฐานะผู้บริหารสูงสุดของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (EIC) และผู้ก่อตั้งและดูแลสายงานวิเคราะห์ความเสี่ยง (Risk Analytics) กลุ่มบริหารความเสี่ยงของธนาคารไทยพาณิชย์ ความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมาทำให้ธนาคารไทยพาณิชย์มอบหมายให้เธอกุมบังเหียนบริษัทลูกล่าสุดอย่าง SCB Abacus ซึ่งมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจด้านการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง AI ซึ่งถือเป็นการก้าวกระโดดที่ท้าทายอีกครั้ง

ดร.สุทธาภา มีประสบการณ์ในวงการการเงินการธนาคารทั้งในไทยและระดับโลกอย่างกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) รวมถึงยังเคยดำรงตำแหน่งระดับผู้อำนวยการส่วนวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคของสำนักงานเศรษฐกิจ การคลัง กระทรวงการคลังอีกด้วย

ดร.สุทธาภา ได้รับพระราชทานทุนเล่าเรียนหลวง (King’s Scholarship) จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี สาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และปริญญาเอกสาขาเศรษฐศาสตร์ การบริหารและนโยบาย สถาบันเทคโนโลยีแห่งรัฐแมสซาชูเซตส์ (M.I.T.) ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังเคยเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันเคมีโอลิมปิกระหว่างประเทศ (ICho) ครั้งที่ 23 ด้วยประสบการณ์ด้านการศึกษาและการทำงานด้านวิเคราะห์ความเสี่ยง และการเป็นนักเศรษฐศาสตร์แนวหน้าของไทย ที่ทำงานด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและวางกลยุทธ์ด้านธุรกิจอยู่แล้วนั้น การก้าวเข้าสู่เส้นทาง Data Science จึงเป็นเส้นทางที่ต่อยอดประสบการณ์ใหม่ของเธอ

ทำไมถึงต้องเป็น AI และ AI จะเข้ามาเปลี่ยนภาพของธุรกิจไปในทิศทางใดและรวดเร็วแค่ไหน

เรามองว่าเทคโนโลยี AI จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากและรวดเร็ว เนื่องจากในปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรา เช่น โทรศัพท์มือถือ  รถยนต์ รวมถึงอุปกรณ์ IoT ต่างๆ ในชีวิตประจำวันทำให้เกิด digital footprint ของผู้คนมากขึ้น และข้อมูลมากมายมหาศาลเหล่านี้เมื่อนำมาประมวลผลโดยเทคโนโลยี AI ทำให้ภาคธุรกิจเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งช่วยในการพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ผู้บริโภครายบุคคล

SCB จัดตั้ง SCB Abacus เพื่อเข้ามาช่วยต่อยอดกลยุทธ์ของธนาคารในด้านใดบ้าง

ในช่วงปีแรกๆ ทางบริษัทจะเน้นการนำเทคโนโลยี AI มาช่วยเพิ่มศักยภาพของนวัตกรรมหรือผลิตภัณฑ์ของธนาคารไทยพาณิชย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันในฉลาดยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การพัฒนาระบบการแนะนำการบริการหรือผลิตภัณฑ์หรือที่เรียกว่า recommendation engine ให้กับทาง SCB Easy App ตัวใหม่ให้ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าที่แตกต่างกันในแต่ละคน หรือการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการระบบ Call Center ด้วยการนำ AI มาคาดการณ์ปัญหาของลูกค้าที่โทรเข้ามา เพื่อโอนสายไปยังผู้เชี่ยวชาญที่ตอบปัญหาได้ตรงจุดอย่างไรก็ดี เราก็มีแผนที่จะพัฒนานวัตกรรมด้านอื่นๆ ขึ้นมาเองเช่นเดียวกันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าธนาคาร

นอกจากภาคธนาคารแล้ว SCB Abacus มีแผนจะขยายไปยังธุรกิจอื่นหรือไม่

SCB Abacus มุ่งเน้นไปที่การรับโจทย์จากธนาคารไทยพาณิชย์และบริษัทในเครือ และพร้อมขยายไปให้บริการบริษัทอื่นๆ อย่างแน่นอน เนื่องจากเทคโนโลยีด้าน AI ที่เราพัฒนาขึ้น รวมทั้งประสบการณ์จากการทำงานให้กับธนาคารจะสามารถตอบโจทย์ให้กับทุกภาคธุรกิจ ทั้งนี้ ไม่ว่าธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก็จำเป็นต้องมีการทำ data analytics เพราะจะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาธุรกิจให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคนี้ได้มากขึ้น

ใครจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเข้ามาของ AI

การนำเอา AI มาพัฒนาต่อยอดธุรกิจ หรือรูปแบบการให้บริการต่างๆ ทั้งภาครัฐและธุรกิจ ผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์สูงสุดนั้นก็คือ ผู้บริโภค ซึ่งจะได้รับความสะดวกสบายในชีวิตเพิ่มขึ้น มีความปลอดภัยสูงขึ้น และรวดเร็วมากขึ้น อย่าง robo-advisor ที่ช่วยแนะนำการลงทุน หรือรถยนต์ไร้คนขับ เป็นต้น

ฟังดูแล้วเป็นงานที่ใหม่และใหญ่มากๆ ในขณะที่คนในสาย Data Science ในไทยยังมีไม่มาก SCB Abacus ปูทางองค์กรไว้อย่างไร

เราเชื่อว่าศักยภาพของคนไทยนั้นมีมาก เห็นได้จากในอดีตที่โปรแกรมเมอร์ไทยอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว โดยธนาคารไทยพาณิชย์เล็งเห็นความสำคัญของการร่วมมือของภาคธุรกิจที่เข้ามาร่วมผลักดันให้ภาคการศึกษาให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน จึงมีโปรเจกต์ความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาอย่าง VISTEC ที่มุ่งผลักดันบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยีโดยเฉพาะและนอกเหนือจากนั้น SCB Abacus ยังมีจุดมุ่งหมายในการสานต่อ โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษาที่สนใจเข้ามาร่วมฝึกงานกับเรา เพื่อเห็นถึงการทำงานจริงๆ ว่าธุรกิจนี้ต้องการอะไร

เราจะได้เห็นผลงานอะไรบ้างของ SCB Abacus ในเร็วๆ นี้

บริษัทจะเน้นการนำเทคโนโลยี AI มาช่วยเพิ่มศักยภาพของนวัตกรรมหรือผลิตภัณฑ์ของธนาคารไทยพาณิชย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันในฉลาดยิ่งขึ้น เริ่มจากการพัฒนาระบบการแนะนำการบริการหรือผลิตภัณฑ์หรือที่เรียกว่า recommendation engine ให้กับทาง SCB Easy App ตัวใหม่ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละราย โดยจะมีแผนการจะเปิดให้ใช้บริการในช่วงพฤศจิกายนนี้

บทความนี้เป็น Advertorial 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

รู้จัก Sahabat AI สัญชาติอินโดฯ น้องใหม่จากค่าย GoTo

ลองนึกภาพ AI ที่ไม่ได้แค่พูดภาษาอังกฤษ แต่ยังเข้าใจภาษา วัฒนธรรม และความเป็นอยู่ของคนอินโดนีเซีย นี่คือสิ่งที่ GoTo บริษัทเทคโนโลยีใหญ่จากอินโดนีเซียกำลังพัฒนาในชื่อ Sahabat - AI ท...

Responsive image

นักวิทยาศาสตร์สร้าง Brain Map ละเอียดที่สุดในโลกจากสมองหนู

ค้นพบครั้งประวัติศาสตร์ นักวิทย์สร้างแผนที่สมองที่ละเอียดที่สุดจากสมองหนู ข้อมูลทะลักกว่า 500 ล้านจุด เชื่อมโยง AI-แพทย์อนาคต...

Responsive image

ถอดบทเรียน 3 ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ไทย-ศรีลังกา-บังกลาเทศ จากงานสัมมนา BIMSTEC Young Gen Forum

สรุปจาก 'Innovation & Growth Drivers' หัวข้อเสวนาจากงาน BIMSTEC Young Gen Forum : Where the Future Meets ที่มีผู้นำรุ่นใหม่จาก 3 ประเทศ BIMSTEC มาเล่าวิสัยทัศน์ ความท้าทาย บนเวทีสั...