Microsoft ชี้ทักษะ "บริหาร AI Agent" คือตั๋วรอดสู่ยุค Frontier Firm ที่ AI คือเพื่อนร่วมงาน

โลกการทำงานกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วด้วยพลังของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือ แต่กำลังก้าวสู่การเป็น "ผู้ช่วยอัจฉริยะ" และ "เพื่อนร่วมงานดิจิทัล" รายงานล่าสุด Work Trend Index 2025 จาก Microsoft เผยให้เห็นภาพอนาคตที่เราอาจต้องทำงานในองค์กรรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า "Frontier Firm" ซึ่งผสมผสานการทำงานระหว่างมนุษย์และทีม AI Agent อย่างลงตัว และที่สำคัญ เราทุกคนอาจต้องสวมบทบาทเป็น "ผู้จัดการทีม AI" ในเร็วๆ นี้

Frontier Firm คืออะไร? ทำไมทุกองค์กรกำลังมุ่งหน้าไปทางนั้น

รายงาน Work Trend Index 2025 ของ Microsoft ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากพนักงาน 31,000 คนใน 31 ประเทศ  โดยรวบรวมพฤติกรรมการใช้งาน Microsoft 365 แนวโน้มตลาดแรงงานจาก LinkedIn และข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญได้นิยาม "Frontier Firm" ว่าเป็นองค์กรที่นำ AI มาใช้อย่างเต็มศักยภาพ มีการใช้งาน AI Agent อย่างแพร่หลาย และเชื่อว่า AI คือกุญแจสำคัญในการสร้างผลตอบแทน

แม้ปัจจุบันจะมีองค์กรที่เข้าข่าย Frontier Firm เพียงส่วนน้อย (ราว 844 คนจาก 31,000 คนที่สำรวจ) แต่ Microsoft คาดการณ์ว่า ทุกองค์กรกำลังอยู่บนเส้นทางสู่การเป็น Frontier Firm ภายใน 2-5 ปีข้างหน้า

เส้นทางการเปลี่ยนผ่านสู่ Frontier Firm แบ่งเป็น 3 ระยะ

  • ระยะที่ 1 (AI Assistant): พนักงานเริ่มใช้ AI เป็น "ผู้ช่วย" ส่วนตัว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน (สถานะขององค์กรส่วนใหญ่ในปัจจุบัน)
  • ระยะที่ 2 (AI Agent - Digital Colleague): มนุษย์เริ่มใช้ AI Agent เปรียบเสมือน "เพื่อนร่วมงานดิจิทัล" ที่สามารถทำงานตามคำสั่งและช่วยแบ่งเบาภาระงานที่ซับซ้อนขึ้นได้
  • ระยะที่ 3 (Human-Agent Teaming): มนุษย์ทำงานร่วมกับ "ทีม AI Agent" ที่สามารถจัดการกระบวนการทางธุรกิจและ Workflow ต่างๆ ได้อย่างอิสระมากขึ้น นี่คือภาพของ Frontier Firm ที่แท้จริง

Alexia Cambon นักวิจัยด้านอนาคตการทำงานของ Microsoft กล่าวว่า "เราเห็นการเดินทางที่ชัดเจนไปสู่ Frontier Firm ที่ Agent จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน ช่วยเราสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และทำงานองค์ความรู้ในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน"

AI Agent: อาวุธลับเพิ่ม Productivity และเติมเต็มช่องว่างกำลังคน

ปัญหาใหญ่ขององค์กรยุคนี้คือ "ภาระงานล้นมือ" พนักงานและผู้บริหารกว่า 80% รู้สึกว่ามีงานต้องทำมากเกินไป แต่ไม่มีเวลาหรือพลังงานพอ AI Agent เข้ามาตอบโจทย์นี้ได้อย่างตรงจุด เปรียบเสมือน "แรงงานดิจิทัล" ที่องค์กรสามารถ "ซื้อความอัจฉริยะตามต้องการ" เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและขยายขนาดทีมได้ตามต้องการ

รายงานพบว่า ผู้นำองค์กร 46% เริ่มใช้ Agent เพื่อทำให้ Workflow หรือกระบวนการต่างๆ เป็นอัตโนมัติแล้ว อย่างไรก็ตาม การนำ AI มาใช้เพียงอย่างเดียวยังไม่พอ องค์กรต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับงานที่ต้องใช้ความรู้ แยก "คนทำงาน" ออกจาก "ตัวงาน" เพื่อให้มนุษย์ได้ใช้ศักยภาพในด้านความคิดสร้างสรรค์และการตัดสินใจ ส่วนงานรูทีน เช่น การตอบอีเมล สามารถมอบหมายให้ Agent จัดการได้

ผลลัพธ์ที่น่าทึ่งใน Frontier Firms:

  • 71% ของพนักงานใน Frontier Firms รู้สึกว่าบริษัทกำลังเติบโตได้ดี เทียบกับ 37% ทั่วโลก
  • 55% รู้สึกว่าสามารถรับงานได้มากขึ้น เทียบกับ 20% ทั่วโลก
  • 90% รู้สึกว่าได้ทำงานที่มีความหมายมากขึ้น เทียบกับ 73% ทั่วโลก
  • 21% กลัว AI แย่งงานน้อยลง เทียบกับ 38% ทั่วโลก

การเปลี่ยนแปลงในโลกการทำงาน: ทักษะใหม่ บทบาทใหม่ และโครงสร้างองค์กรที่เปลี่ยนไป

การมาถึงของ AI Agent จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดแรงงาน:

  • ทักษะใหม่เป็นที่ต้องการ: การจัดการ AI Agent, การ Prompt อย่างมีประสิทธิภาพ, และการทำงานร่วมกับ AI จะกลายเป็นสิ่งจำเป็น
  • AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่คือเพื่อนร่วมทีม: ต้องเปลี่ยนมุมมองจาก AI เป็นแค่เครื่องมือรับคำสั่ง (52% ยังมองแบบนี้) มาเป็น "คู่คิด" (Thought Partner - 46% เริ่มมองแบบนี้) หรือ "เพื่อนร่วมงานดิจิทัล" ที่สามารถทำงานร่วมกัน ระดมสมอง และจัดการโปรเจกต์ได้
  • “Work Chart” แทน Org Chart: โครงสร้างองค์กรอาจเปลี่ยนจากลำดับชั้นตามสายงานที่ตายตัว ไปสู่การรวมทีมเพื่อผลลัพธ์เป็นหลัก (Outcome driven) ที่ยืดหยุ่นกว่า โดยมี AI Agent เป็นส่วนเสริมหลัก
  • สมดุลระหว่างมนุษย์และ AI (Human-Agent Ratio): การมี Agent มากหรือน้อยเกินไปต่อคน อาจทำให้ใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ หรือทำให้คนทำงานหนักเกินไป การหาจุดสมดุลเป็นสิ่งสำคัญ รายงานอ้างอิงงานวิจัย Harvard ที่พบว่า ทีมที่มี AI ช่วยทำงานได้ดีกว่าคนคนเดียวที่มี AI และดีกว่าทีมที่ไม่มี AI ซึ่งชี้ว่าการ "เพิ่มขีดความสามารถ" (Augment) ให้คนด้วย AI ดีกว่าการ "ทดแทน" (Replace) คนด้วย AI
  • การ Upskill และจ้างงาน: ผู้นำธุรกิจ 47% ให้ความสำคัญกับการ Upskill พนักงาน, 51% ของผู้จัดการมองว่าการฝึกอบรม AI จะเป็นความรับผิดชอบหลักใน 5 ปีข้างหน้า แม้ 33% กำลังพิจารณาลดคน แต่ส่วนใหญ่ (78% ในองค์กรทั่วไป และ 95% ใน Frontier Firms) กำลังพิจารณาจ้างงานในตำแหน่งเฉพาะทางด้าน AI เช่น AI Agent Specialist, AI Strategist ในหลากหลายแผนก

เตรียมพร้อมรับมืออนาคตแห่งการทำงานร่วมกับ AI

รายงานจาก Microsoft ชี้ชัดว่าอนาคตของการทำงานคือการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างมนุษย์และ AI Agent ในรูปแบบของ Frontier Firm นี่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี แต่คือการปฏิวัติวิธีคิด วิธีการทำงาน และโครงสร้างองค์กร การพัฒนาทักษะด้าน AI โดยเฉพาะการบริหารจัดการ Agent และการปรับมุมมองให้เห็น AI เป็นเพื่อนร่วมทีม จะเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพ เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างความสำเร็จในยุค AI ที่กำลังมาถึง แม้จะมีบางตำแหน่งงานที่หายไป แต่ตำแหน่งงานใหม่ๆ และโอกาสใหม่ๆ จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน สิ่งสำคัญคือการเตรียมพร้อมและปรับตัวเพื่อคว้าโอกาสเหล่านั้น

อ้างอิง: Microsoft [1], [2]

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

‘RepliBench’ เครื่องมือใหม่จากสหราชอาณาจักร ทดสอบทักษะ AI ผลิตซ้ำโมเดลตัวเอง

RepliBench จาก UK AI Safety Institute เปิดเผยผลทดสอบ AI โคลนตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์ จุดประเด็นความเสี่ยงใหม่ต่อความปลอดภัยไซเบอร์ทั่วโลก...

Responsive image

รู้จัก Bettr และ Embedded Lending เปลี่ยนการเข้าถึงเงินทุนเป็นจุดแข็งธุรกิจคุณ และเพิ่มโอกาสแก่ MSMEs

MSMEs ไทยกว่า 3.2 ล้านรายเผชิญปัญหาเงินทุน ขัดขวางการเติบโตของธุรกิจ รู้จัก Bettr และ Embedded Lending นวัตกรรมการเงินที่ช่วยปลดล็อกทางออกให้ธุรกิจเข้าถึงแหล่งทุนใหม่ได้ง่ายขึ้น...

Responsive image

รู้จัก Sahabat AI สัญชาติอินโดฯ น้องใหม่จากค่าย GoTo

ลองนึกภาพ AI ที่ไม่ได้แค่พูดภาษาอังกฤษ แต่ยังเข้าใจภาษา วัฒนธรรม และความเป็นอยู่ของคนอินโดนีเซีย นี่คือสิ่งที่ GoTo บริษัทเทคโนโลยีใหญ่จากอินโดนีเซียกำลังพัฒนาในชื่อ Sahabat - AI ท...